เคาะซ้าย..เคาะขวา..วนไป

*อารมณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามนี้เป็นลักษณะ เคาะซ้ายที..เคาะขวาที วนลูปไปเรื่อย ๆ พร้อมกับมีหุ้นหน้าฉากตัวใหม่ถูกดันขึ้นมาเล่นตลอดเวลานั้น “โมนิก้า” มองเป็นเกมถนัดของนักลงทุนกลุ่มสถาบันที่ชอบฉวยจังหวะเล่นสั้นเป็นประจำ จึงเห็นดัชนีพยายามตั้งฐานที่บริเวณ 1,350 จุดอีกครั้ง และเป็นช็อตที่ทำให้เดี๊ยนต้องเกาะติดสถานการณ์ช่วงนี้มากเป็นพิเศษนะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*อารมณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามนี้เป็นลักษณะ เคาะซ้ายที..เคาะขวาที วนลูปไปเรื่อย ๆ พร้อมกับมีหุ้นหน้าฉากตัวใหม่ถูกดันขึ้นมาเล่นตลอดเวลานั้น “โมนิก้า” มองเป็นเกมถนัดของนักลงทุนกลุ่มสถาบันที่ชอบฉวยจังหวะเล่นสั้นเป็นประจำ จึงเห็นดัชนีพยายามตั้งฐานที่บริเวณ 1,350 จุดอีกครั้ง และเป็นช็อตที่ทำให้เดี๊ยนต้องเกาะติดสถานการณ์ช่วงนี้มากเป็นพิเศษนะจะบอกให้

*เนื่องจากตลาดหุ้นไทยพยายามไต่เพดานขึ้นไปสร้างฐานใหม่ที่บริเวณ 1,400 จุด แต่เผอิญตัวแปรหลายอย่างยังไม่เอื้อเท่าที่ควร จึงเห็นแรงขายถล่มออกมาเป็นช่วง ๆ ในระหว่างที่ตลาดหุ้นกำลังเงี่ยหูฟังข่าวดีจากในประเทศและต่างประเทศ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเฉย ๆ กับภาพเหตุการณ์ของตลาดหุ้นในแต่ละวัน เพราะเอาเข้าจริงก็เป็นลักษณะของ W-Shape ร่วมเดือนครึ่งแล้วนะคะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนีแกว่งตัวไปมาก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,365.81 จุด บวกไป 3.35 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.26 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางความกังวลตลาดหุ้นไทยโอเวอร์รีแอ็กต์เกินไปหรือเปล่า ? มันเป็นเรื่องของแนวคิดการลงทุนของแต่ละบุคคลมากกว่า “โมนิก้า” ไม่อยากไปก้าวล่วงแนวคิดดังกล่าวมากนัก เพราะวันนี้กูรูบางสำนักมองสถานการณ์ประเทศไทยดีขึ้น แต่บางส่วนกลับมองในอนาคตจะแย่ลงแบบเลี่ยงไม่ได้เจ้าค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวคล้ายกับสถานการณ์ของหุ้นลูกอ๊อด AOT ซึ่งก่อนหน้านี้ใคร ๆ ก็มองทุกอย่างน่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ราคาหุ้นถึงไต่เพดานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งกลายเป็นว่าทุกอย่างไม่เป็นเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้ ราคาหุ้นถึงไหลลงมาจากยอด 76 บาทแบบไม่มีดิสเบรก จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 56.25 บาท ลบไปอีก 1.25 บาท หรือลงไป 2.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.69 พันล้านบาท น่าสะพรึงไหมล่ะคะ

*ตรงกันข้ามกับในรายหุ้นถุงมือยาง STGT อย่างสิ้นเชิง เพราะราคาหุ้นพุ่งต่อเนื่อง ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ล้นปรี่ว่า กำไรโตระเบิดระเบ้อ วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 74.75 บาท บวกไป 6.25 บาท หรือขึ้นไป 9.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.94 พันล้านบาท กลายเป็นช็อตที่ทำให้นักเล่นแห่ตามกันเป็นพรวน หลังโบรกฯ ต่าง ๆ อัพเป้าให้สูงถึงระดับ 85 บาท น้องโมเลยไม่ต้องสาธยายอะไรให้ฟังมากมายพะย่ะค่ะ

*เหมือนกับในรายของ PTL ทะยานขึ้นมาอีกรอบ พร้อมด้วยวอลุ่มที่แน่นขนัด “โมนิก้า” ย่อมพุ่งเป้าไปที่กองทุนเป็นคีย์แมนสำหรับการเล่นเที่ยวนี้ ผนวกกับผลงานของบริษัทมีทิศทางเติบโต เลยทำให้ราคาหุ้นปรู๊ดปร๊าดมากเป็นพิเศษในช่วงสัปดาห์กว่า ๆ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการขึ้นมาปิดที่ 20.70 บาท บวกไป 1.90 บาท หรือขึ้นไป 10.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.44 พันล้านบาท ท่ามกลางค่า P/E 10 เท่ายังน่าเล่นไหมเอ่ย ?

*เช่นเดียวกับในรายของหุ้นเดินเรือ PRM ก็เล่นกันมาพักใหญ่ ๆ เห็นจะได้ แต่เพิ่งเคาะขวาแบบรัว ๆ ในช่วง 2 วันที่ผ่านมานี้เอง หุ้นถึงขึ้นมายืนปิดที่ 8.20 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 8.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 837 ล้านบาทแบบชิวชิว “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับมองโอกาสที่หุ้นเรือจะวิ่งฉิวจากค่า P/E 17 เท่ามีมากน้อยขนาดไหน ? เพราะเป็นเรื่องเดียวที่สามารถใช้วิเคราะห์ได้ดีสุดในห้วงเวลานี้นะจ๊ะ

*เมื่อมาในแนวทางค่าพี/อีเป็นแบ็กอัพสำหรับการเล่นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงเบนเข็มไปดูหุ้นสุดสตรองอย่าง ORI เพื่อเป็นออปชั่นให้กับขาลุยที่ชอบหุ้นต่ำสิบสักหน่อย เพราะเมื่อเหลือบดูค่า P/E 5 เท่า เทียบกับราคาหุ้นในกระดานที่ระดับ 6.25 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 7.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 235 ล้านบาท มันทำให้เดี๊ยนมีใจกับหุ้นตัวนี้มากขึ้นในทันที เพราะติดตามดูหุ้นตัวนี้มาตั้งแต่ 5.50 บาทเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงหุ้นที่ชวนติดตามขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ย่อมอยากปันใจให้กับหุ้น INSET มากขึ้นทุกที และเหตุผลที่ทำให้เกิดความอยากมาก ๆ ก็มาจากผลงานในปี 2563 ต่อเนื่องถึงปี 2564 น่าจะบรรเจิด ซึ่งเป็นผลมาจากระบบโครงข่ายทุ่มงบขยายการลงทุนไม่อั้น งานนี้ทำให้คุณพี่ “ศักดิ์บวร” ผู้น่ารักยิ้มแก้มปริกันเลยทีเดียว ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานพุ่งขึ้นมายืนปิดที่ 3.54 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 5.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 217 ล้านบาท ทั้งที่กลางเดือนก่อนยืนหงอย ๆ อยู่ที่ 2.50 บาทแบบนี้..ต้องฉลองกันหน่อยนะตัวเอง

Back to top button