ลง 4 ขึ้น 1
*ข้อมูลที่ทำให้ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงมากสุดในตอนนี้คือ ตลอดระยะเวลา 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา “โมนิก้า” เห็นสัญญาณแท่งเทียนสีเขียวปรากฏบนหน้ากระดานเพียงแค่ 7 วัน ซึ่งเป็นภาพที่ตอกย้ำให้รู้ว่าสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่! และภาพดังกล่าวก็ทำให้รู้เพิ่มขึ้นไปอีกนิดหนึ่งว่า เฉลี่ยแต่ละสัปดาห์ปรากฏแท่งเทียนสีแดงมากถึง 4 วัน ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนตอนนี้ดูไม่ดีเอาเสียเลยเจ้าค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ข้อมูลที่ทำให้ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงมากสุดในตอนนี้คือ ตลอดระยะเวลา 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา “โมนิก้า” เห็นสัญญาณแท่งเทียนสีเขียวปรากฏบนหน้ากระดานเพียงแค่ 7 วัน ซึ่งเป็นภาพที่ตอกย้ำให้รู้ว่าสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่! และภาพดังกล่าวก็ทำให้รู้เพิ่มขึ้นไปอีกนิดหนึ่งว่า เฉลี่ยแต่ละสัปดาห์ปรากฏแท่งเทียนสีแดงมากถึง 4 วัน ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนตอนนี้ดูไม่ดีเอาเสียเลยเจ้าค่ะ
*ยิ่งวานนี้มีความกังวลเกี่ยวกับการระบาดรอบสองที่เกิดจากความหละหลวมบางอย่าง ยิ่งทำให้ดัชนีมีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 1,300 จุดมากขึ้นเท่านั้น “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นมองการพุ่งกระฉูดขึ้นไปกว่า 12 จุด แต่หลังจากนั้นโรยตัวลงมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 1,342.37 จุด ลบไป 8.13 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.23 หมื่นล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ต้องเข้าไปช้อนซื้อจริงไหมเอ่ย ?
*ประกอบกับเมื่อเจาะลึกลงไปดูข้อมูลเกี่ยวกับระดับเหมาะสมของดัชนีควรเป็นเท่าไหร่ ? “โมนิก้า” เลยรู้สึกเป็นกังวลมากขึ้นกว่าเดิม เพราะสมมติฐานที่ใช้เทียบเคียงก่อนหน้านี้อยู่บนเรื่องประเทศไทยปลอดเชื้อ แต่เมื่อมีการระบาดรอบใหม่ที่ไม่มีใครรู้จุดเริ่มต้นมาจากตรงไหน ? และตอนนี้แผ่วงกว้างไปถึงระดับอำเภอ หรือระดับจังหวัด เดี๊ยนย่อมไม่แฮปปี้กับการทำงานของรัฐบาลอย่างแน่นอนนะคะ
*เนื่องจากทำให้ผู้คนทั่วไปไม่สามารถเตรียมตัวรับมือกับมหันตภัยดังกล่าวได้ทันท่วงที “โมนิก้า” ถึงอยากให้หน่วยงานอย่าง ศบค. เปิดดูคอมเมนต์ในโลกโซเชียลเขาก่นด่ากันมากมายขนาดไหน ? โดยเฉพาะการกล่าวอ้างถึงความมั่นคงของชาติในภาวะแบบนี้ มันเป็นคำพูดแบบปัดความรับผิดชอบอย่างหน้าไม่อาย จึงอยากให้แฟนคลับเพิ่มความใส่ใจในการเคาะขวามากเป็นพิเศษ เพราะสถานการณ์ลงทุนตอนนี้สุ่มเสี่ยงมากเหลือเกินนะออเจ้า
*ในภาวะที่ไวรัสมรณะเริ่มระบาดรอบใหม่ ก็กลายเป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้หุ้นถุงมือยาง STGT ทะยานขึ้นไปข้างหน้าอย่างร้อนแรง เพราะเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์โดยตรงกับกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 81.75 บาท บวกไป 7.25 บาท หรือขึ้นไป 9.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.81 พันล้านบาทแบบชิวชิว ทั้งที่อยู่ในช่วงต้องซื้อขายเงินสดแบบนี้..เดี๊ยนถึงกล้าฟันธงว่า 100 บาทไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะตัวแปรมันเอื้อให้สุด ๆ นะคะ
*เมื่อหุ้นลูกมาแบบจัดเต็มทุกกระบวนท่า “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่หุ้นแม่อย่าง STA ก็โชว์ฟอร์มสวยไม่แพ้กัน พร้อมกับทำให้ขาลุยกำหนดทิศทางหุ้นแม่ได้ง่ายขึ้น เพราะเวลานี้ดูแค่ตัวลูกแรงขนาดไหน ? หุ้นตัวแม่ก็แรงตามไปด้วย เดี๊ยนจึงไม่ขอแสดงความคิดเห็นการขึ้นมาปิดที่ 30.25 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.87 พันล้านบาท เพราะมันมีคำอธิบายในตัวของมันเองนะนายจ๋า!
*ส่วนหุ้นอีกรายที่แรงแบบไม่กลัวโควิดระบาดอย่าง CKP ถือเป็นช็อตที่ได้เกริ่นนำให้ฟังตั้งแต่สัปดาห์ก่อน จึงไม่ขอลงในรายละเอียดมากนัก เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ 5.25 บาท บวกไป 0.53 บาท หรือขึ้นไป 11.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 862 ล้านบาท มันมาจากผลงานดีขึ้นเป็นลำดับ ผนวกกับพวกกองทุนเข้ามาไล่เก็บหุ้นปลอดภัย เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน เลยทำให้เชื่อว่าหุ้นน่าจะไปต่อได้อีกนะคะ
*ขนาดหุ้นห้องเย็นตัวจี๊ดอย่าง ASIAN ยังพุ่งขึ้นมาปิดที่ 8.60 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 14.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 454 ล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำท่ายึกยักเหมือนไปต่อไม่ไหว! แต่วานนี้ขึ้นมาทำราคาสูงสุดในรอบ 1 ปี 5 เดือนครึ่ง บวกกับเที่ยวนี้ยังเทรดบนค่า P/E 22 เท่า พ่วงด้วยสตอรี่เติบโตเป็นแบ็กอัพสำหรับการเล่น เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับลองประเมินว่าหุ้นยังมีโอกาสไปต่อไหมเอ่ย ?
*ส่วนรายที่ม้วนเสื่อกลับบ้านอย่างแน่นอน “โมนิก้า” ขอชี้เป้าไปที่หุ้น YGG เพื่อทำให้นักเล่นได้รู้ว่าก๊วนนี้เขาเล่นโหด ชนิดไม่ต้องร้องขอชีวิตให้เปลืองน้ำลาย หลังหุ้นทรุดตัวลงมาปิดฟลอร์ที่ระดับ 10.30 บาท ลบไป 1.80 บาท ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 86 ล้านบาทอย่างง่ายดาย แถมเมื่อย้อนกลับไปดูเมื่อ 5 วันก่อน หุ้นยืนที่บริเวณ 13.50 บาท เหมือนเป็นการย้ำเตือนว่า ใครลุกทีหลังต้องจ่ายรอบวง ผนวกกับค่า P/E ยังอยู่ในระดับ 40 เท่า เดี๊ยนเลยมองไม่เห็นโอกาสที่หุ้นจะไปต่อเลยพับผ่าซิ!