“วีไอพี” ทำ “ชิบ..”
*การให้อภิสิทธิ์กับคนต่างชาติกลายเป็นเผือกร้อนที่ทำให้คนในประเทศหัวร้อนขึ้นมาในทันที เพราะสิ่งที่หน่วยงานดังกล่าวพร่ำบอกกับชาวบ้านตาดำ ๆ อย่าการ์ดตก มันเป็นเพียงการสักแต่จะพูดไปวัน ๆ โดยหน่วยงานที่มีอำนาจไม่เคร่งครัดกับแนวทางดังกล่าว ผลลัพธ์ที่ออกมาเลยเละตุ้มเป๊ะอีกรอบ จนต้องมานั่งล้อมวงนับหนึ่งใหม่แบบนี้..มันน่าจับมาเขกกะโหลกเรียงตัวเสียจริง ๆ เจ้าค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*การให้อภิสิทธิ์กับคนต่างชาติกลายเป็นเผือกร้อนที่ทำให้คนในประเทศหัวร้อนขึ้นมาในทันที เพราะสิ่งที่หน่วยงานดังกล่าวพร่ำบอกกับชาวบ้านตาดำ ๆ อย่าการ์ดตก มันเป็นเพียงการสักแต่จะพูดไปวัน ๆ โดยหน่วยงานที่มีอำนาจไม่เคร่งครัดกับแนวทางดังกล่าว ผลลัพธ์ที่ออกมาเลยเละตุ้มเป๊ะอีกรอบ จนต้องมานั่งล้อมวงนับหนึ่งใหม่แบบนี้..มันน่าจับมาเขกกะโหลกเรียงตัวเสียจริง ๆ เจ้าค่ะ
*ฉะนั้นความชิบ..วายป่วงที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ จึงเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดเรื่องสองมาตรฐาน จนนำไปสู่การเรียกร้องให้ยกเลิกข้อยกเว้นกันเสียที “โมนิก้า” ในฐานะคนตรงกลางที่เกาะติดสถานการณ์เศรษฐกิจตลอดเวลา เลยอยากวิงวอนให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจช่วยกันแก้ปัญหาตรงนี้กันอีกสักครั้ง เพราะถ้าปล่อยให้แก้ไขในรูปแบบ “ตัวใครตัวมัน” ก็มีแต่พากันถอยหลังลงคลองอย่างเดียวนะจะบอกให้
*ประเด็นดังกล่าวที่เกริ่นนำมาทั้งหมดทำให้ “โมนิก้า” ประเมินหนทางขึ้นของตลาดหุ้นไทยเต็มไปด้วยอุปสรรค และทำให้เชื่อว่าอาการซึมลงจะดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง เดี๊ยนเลยไม่แฮปปี้ที่เห็นดัชนีพยายามฝืนขึ้นตลอดเวลา เพราะในแง่ของปัจจัยพื้นฐานมันไม่ซัพพอร์ตสิ่งที่เกิดขึ้นเลย จึงอยากให้แฟนคลับวิเคราะห์การยืนปิดที่ 1,341.07 จุด ลบไป 1.30 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.39 หมื่นล้านบาท มันเป็นเรื่องที่เมกเซนส์ไหม ? ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ
*คล้ายกับอาการของเจ้าพ่อสื่อสาร ADVANC ถูกกองทุนรินขายออกมาเป็นเวลานานถึง 8 เดือน (แม้ในบางสัปดาห์จะดีดตัวขึ้นแรง แต่ภาพใหญ่ยังโค้งตัวลง) น่าจะเป็นผลมาจากยุคทองของธุรกิจได้ผ่านพ้นไปแล้ว ที่เหลือเป็นแค่การประคองตัวไม่ให้ทรุดลงหนัก ราคาหุ้นถึงไหลลงจากระดับ 240 บาทอย่างง่ายดาย จนสุดท้ายวานนี้ยืนปิดไปที่ระดับ 187.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.04 พันล้านบาทไงล่ะคะ
*ขนาดหุ้นแบงก์ดอกบัว BBL มีฐานะความมั่นคงทางการเงินแน่นปึ้ก และยังปล่อยสตอรี่ปันผลออกมาไม่ขาดสาย แต่ราคาหุ้นก็ไม่ขานรับเรื่องดังกล่าวสักเท่าไหร่ ? “โมนิก้า” ฟันธงได้ในทันทีว่านี่เป็นผลมาจากความกังวลเรื่องหนี้เสียปูด บรรดากองทุนเลยมองข้ามหุ้นแบงก์ไปแบบไม่มีเยื่อใย วานนี้เลยเป็นอีกหนึ่งวันที่หุ้นมีอาการเซื่องซึม พร้อมกับยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 106.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.06 พันล้านบาทแบบเหงา ๆ พะยะค่ะ
*อีกรายที่หมดสภาพอย่างรวดเร็ว “โมนิก้า” คงพุ่งเป้าไปยังหุ้น BEM หลังโดนมือดีรินหุ้นออกมาตลอดเวลา ผนวกกับเจอโควิดรอบ 2 เล่นงานเข้าอีกดอก หุ้นเลยออกอาการเป๋หนัก ชนิดหาทางกลับบ้านไม่เจอ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 9.10 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 2.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 545 ล้านบาท พร้อมกับมีการตามหา “เสี่ยใหญ่” หายไปไหน ? และมีดราม่าเรื่องเสี่ย “ได้ใหม่ ลืมเก่า” พ่วงด้วยข่าวเม้าท์ฮุบหุ้นในส่วนที่จะต้องแบ่งให้กับเพื่อน ๆ ในแวดวงขาใหญ่แบบนี้..ด่าหลังไมค์กันไฟแลบ (จริง..ไม่จริง ขอด่าไว้ก่อน เพราะผลประโยชน์มาอันดับแรก) เจ้าค่ะ
*ส่วนรายที่น่าเห็นใจมากสุดเที่ยวนี้กลายเป็น CRC เพราะส่อเค้ามีปัญหาตั้งแต่ตอนเข้าตลาดหุ้น ซึ่งว่ากันว่าเป็นการตกฟากผิดเวลา แถมมาเจอการระบาดรอบสองซ้ำเติมเข้าอีกกระทอก “โมนิก้า” ถึงเห็นราคาหุ้นโค้งตัวลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ 30 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 2.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 782 ล้านบาท ทั้งที่ต้นเดือนก่อนเพิ่งขึ้นไปแตะระดับ 40 บาทหยก ๆ จึงส่อเค้าไหลลงยาวนะตัวเอง
*ขนาดหุ้นขายยา IP ที่ว่าแน่ ๆ ยังไม่รอดสันดอน แถมโดนคนกันเองกระหน่ำขายแบบไม่ต้องพูดเยอะ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ๆ ท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสมรณะในประเทศยังคลุมเครือ และสุ่มเสี่ยงที่จะโดนล็อกดาวน์แต่ละธุรกิจอีกรอบ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับมองการลงมายืนปิดที่ 9.10 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 9% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 124 ล้านบาท มันเป็นการขายปิดความเสี่ยงที่จะต้องมีออกมาเรื่อย ๆ ใช่ไหม ? จึงอยากให้แฟนคลับละเอียดลออในเรื่องนี้มากหน่อยเจ้าค่ะ
*ป.ล.วันนี้ต้องยอมรับความจริงว่าธุรกิจ ห้างร้าน โรงเรียน ต้องทยอยปิดทำการชั่วคราวอีกรอบแบบนี้..ธุรกิจของทั้งประเทศจะเดินหน้าอย่างไร ? เดี๊ยนถึงอยากทำความเข้าใจตรงนี้กันอีกสักนิดหนึ่ง หลังจากนั้นจะเห็นว่าในตลาดฯ ยังเหลือหุ้นให้เล่นจริงไหมคะ