ดันสั้น..ไม่ดันยาว
* ในระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา “โมนิก้า” ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนตัวของดัชนีอิงกับสัญญาณเทคนิคมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นข้อมูลเดียวที่ทำให้เห็นวงรอบของตลาดหุ้นได้ชัดเจนสุด จึงไม่ค่อยสนใจปัจจัยภายนอกที่พยายามเล่นข่าว “ซ้ำไป ซ้ำมา” เดี๊ยนถึงมองเรื่องต่าง ๆ ที่เข้ามาในแต่ละวันเป็นเพียงหัวเชื้อที่ช่วยเติมความคึกคักให้ตลาดหุ้นแบบขัดตาทัพเท่านั้นพะยะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
* ในระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา “โมนิก้า” ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนตัวของดัชนีอิงกับสัญญาณเทคนิคมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นข้อมูลเดียวที่ทำให้เห็นวงรอบของตลาดหุ้นได้ชัดเจนสุด จึงไม่ค่อยสนใจปัจจัยภายนอกที่พยายามเล่นข่าว “ซ้ำไป ซ้ำมา” เดี๊ยนถึงมองเรื่องต่าง ๆ ที่เข้ามาในแต่ละวันเป็นเพียงหัวเชื้อที่ช่วยเติมความคึกคักให้ตลาดหุ้นแบบขัดตาทัพเท่านั้นพะยะค่ะ
* ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้เดี๊ยนมองเรื่องต่าง ๆ ต้องอยู่บนตัวเลขสำคัญทางสถิติเป็นลำดับแรก เพราะเป็นเพียงเครื่องมือเดียวที่ช่วยให้ประเมินเหตุการณ์ในภายภาคหน้าได้ง่ายขึ้น จึงขอฟันธงแบบไม่ต้องกลัว “หน้าแหก” หรือ “ธงหัก” ว่า เที่ยวนี้ยังเป็นการเล่นแบบดันสั้น ๆ เพื่อความคล่องตัวของพอร์ตลงทุน จึงอยากให้แฟนคลับสังเกตอาการโรยราของดัชนีมันมาจากพื้นฐานซัพพอร์ตได้แค่นี้จริงไหม ?
* หากเข้าใจตรรกะดังกล่าวได้ระดับหนึ่ง ก็จะเข้าใจการยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,359.65 จุด บวกไป 2.61 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.02 หมื่นล้านบาท มันเป็นผลมาจากรูปแบบขายลดความเสี่ยงก่อนจะถึงวันหยุดยาว ซึ่งเป็นรูปแบบเดิม ๆ ที่คุ้นตากันเป็นอย่างดี จึงอยากให้นักเล่นมองอาการยึกยักของดัชนีที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง มันเป็นเหตุผลทางด้าน “เทคนิค” หรือ “พื้นฐาน” มากกว่ากัน เพราะตรงนี้จะเป็นกุญแจไขปริศนาการเดินหน้าของตลาดหุ้นไทยเจ้าค่ะ
* เหมือนกับกรณีของหุ้น BFIT ทะยานขึ้นมาปิดที่ 33 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 531 ล้านบาท พร้อมกับตัวเลขกำไรโตกระฉูด “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ๆ ที่บริษัทเงินทุนแห่งนี้สามารถโตสวนกระแสได้อย่างน่าทึ่ง แต่ในขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่า เที่ยวก่อนก็เล่นกันแค่ระดับ 35 บาท ต่อจากนั้นก็เลิกเล่นทันที จึงทำให้เดี๊ยนเกิดความลังเลใจอย่างแรงพะยะค่ะ
* เช่นเดียวกับหุ้น SAWAD พยายามโชว์ฟอร์มสวยด้วยการทะยานขึ้นตลอดเวลา แต่กลับวิ่งไม่ผ่านแนวต้านสำคัญบริเวณ 55 บาท “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นมายืนปิดที่ 54.25 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 4.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.04 พันล้านบาท น่าจะเป็นช็อตวัดใจกองทุนจะช่วยดันให้ผ่านหรือเปล่า ? ถ้าผ่านไปได้พร้อมกับแสดงผลงานไตรมาส 2 อันสวยหรู คงได้เห็นหุ้นขึ้นไปเฉิดฉายเหนือ 60 บาทอีกรอบ (ของมันเคยเห็นกันมาแล้ว)..อิอิอิ
* เรื่องนี้คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ GUNKUL ทุกกระเบียดนิ้ว แถมสเต็ปขึ้นลงของหุ้นก็อยู่ในกรอบ 2.60-2.90 บาทเป็นเวลาสองเดือนครึ่ง “โมนิก้า” ถึงไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มากความ เพราะของมันแบเบอร์เป็นเวลานานแล้วว่า การขึ้นมายืนปิดที่ 2.88 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 4.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 301 ล้านบาท ก็คงไม่มีอะไรแตกต่างไปจากที่ผ่านมาหรอกค่ะ
* ส่วนรายที่แตกต่างค่อนข้างชัดเจน จนกลายเป็นหุ้นดาวเด่นขึ้นในทันที คงต้องยกตำแหน่งนี้ให้กับ SMT แต่เพียงผู้เดียวในสนามแห่งนี้ เพราะเมื่อดูจากผลงานที่เชื่อกันว่า ไตรมาส 2 จะโตกระหึ่ม ผสานกับเงินปันผลมีแจกออกมาเป็นระยะ บรรดาขาลุยถึงเข้ามาไล่ราคาหุ้นกันอย่างคึกคัก จนราคาหุ้นที่เคยย่ำต๊อกต๋อยที่ระดับ 1.20 บาทในช่วงต้นเดือน แต่ล่าสุดกลายเป็นขึ้นมาปิดที่ 2.02 บาท บวกไป 0.19 บาท หรือขึ้นไป 10.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 117 ล้านบาทไปเสียแล้วนะคะ
* เช่นเดียวกับในรายของ SYNEX จากที่เคยย่ำฐานบริเวณราคา 7.50 บาทเป็นเวลาร่วมสองสามสัปดาห์ แต่พอสบจังหวะได้โอกาสงาม ๆ ก็พุ่งขึ้นพรวดพราดจนขึ้นมายืนที่ระดับ 9.80 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 6.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 126 ล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นช็อตเล่นตามน้ำแบบปฏิเสธไม่ได้ เพราะกระแสในเที่ยวนี้เขาพุ่งเป้าไปที่เรื่องผลงานดี ผสมผสานกับปลอดแรงขายจากกองทุนพะยะค่ะ
* ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเชื่อมโยงที่หุ้นซอสปรุงอาหาร XO เพื่อชี้ให้เห็นแรงซื้อที่ไหลเข้ามาไม่ขาดสายในเที่ยวนี้ ล้วนเป็นผลมาจากความคาดหวังกำไรปี 63 น่าจะออกมาดี ผนวกกับปีที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 ปี 63 ราคาหุ้นตอบรับข่าวลบที่มีออกมาไปหมดแล้ว เดี๊ยนถึงมองการขึ้นมาปิดที่ 9 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 11.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 140 ล้านบาท น่าจะเป็นการชิงจังหวะทำเร็วนะจะบอกให้