อดีตมีไว้ให้จำ!โมนิก้าและทีมงาน
*วานนี้มีคนถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นคำรบที่ 2 และสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยจะเป็นอย่างไร? “โมนิก้า” ขอตอบอย่างตรงๆ ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก เพราะสถานการณ์ ณ เวลานี้ไม่ปกติเลยสักอย่าง และความหวาดวิตกกังวลก็แพร่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับกระแสข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องร้ายๆ ก็ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด จึงไม่มีใครคิดจะถือหุ้นต่อไปนะซี
*วานนี้มีคนถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นคำรบที่ 2 และสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยจะเป็นอย่างไร? “โมนิก้า” ขอตอบอย่างตรงๆ ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก เพราะสถานการณ์ ณ เวลานี้ไม่ปกติเลยสักอย่าง และความหวาดวิตกกังวลก็แพร่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับกระแสข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องร้ายๆ ก็ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด จึงไม่มีใครคิดจะถือหุ้นต่อไปนะซี
*โดยประเด็นที่ “โมนิก้า” ให้ความสนใจเป็นพิเศษอยู่ท่าทีของกองทุนในประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้เม้าท์มอยด์ให้ได้ยินบ่อยๆ หุ้นไทยน่าลงทุนอย่างนั้น หุ้นไทยน่าลงทุนอย่างนี้ พอเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเท่านั้นแหละ พี่ท่านเปิดตูดหนีก่อนใครเพื่อนในทันที เดี๊ยนถึงพยายามย้ำกับกลุ่มคนเล่นหุ้นเป็นประจำว่า อย่าหลงเข้าไปเล่นในเกมที่ไม่ถนัด เพราะมีคนจ้องสาดหุ้นใส่เจ้าค่ะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงไม่แปลกใจที่ดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,372.61 จุด ลบไป 36.13 จุด ด้วยมูลค่า 7.83 หมื่นล้านบาท โดยกองทุนในประเทศขายหุ้นออกมากถึง 1.20 หมื่นล้านบาท บวกกับต่างชาติสาดหุ้นออกมาอีก 6.90 พันล้านบาท ขณะที่โบรกเกอร์เข้าซื้อแค่ 1.20 พันล้านบาท ส่วนแมงเม่ากวาดหุ้นเข้าไปทั้งสิ้น 1.77 หมื่นล้านบาท มันแสดงให้เห็นท่าทีของนักลงทุนรายย่อยมองเรื่องนี้เป็นโอกาสในวิกฤตินะจะบอกให้
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ยังคงยืนหยัดอยู่ฝั่งแมงเม่าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และอะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของแมงเม่า เดี๊ยนมักเป็นหัวหอกในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้เป็นประจำ ลองคิดดูแล้วกัน!..หากไม่มีแรงรับเข้ามาพยุงดัชนีเป็นจำนวนมาก สภาพการลงทุนจะเละเทะขนาดไหน? วันนี้ถึงต้องบอกเล่าเรื่องราวในอดีตให้ทุกคนรับรู้อีกครั้งไงล่ะจ๊ะ
*เนื่องจากหุ้นหลายตัวที่คิดว่าถูกในขณะนี้ เอาเข้าจริงอาจมีราคาถูกกว่านี้ให้เห็นอีก (เงินเย็นทยอยเก็บได้สบายๆ) แต่ตรงนี้ก็ไม่ใช่ประเด็นหลักที่ “โมนิก้า” จะเม้าท์ให้แฟนคลับฟัง เพราะสิ่งที่อยากจะเม้าท์จริงๆ เป็นเรื่องของสถิติในอดีตมีการแบ่งแยกไว้อย่างชัดเจนว่า ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาภัยธรรมชาติ และปัญหาความไม่สงบ ซึ่งแต่ละองคาพยพส่งผลต่อดัชนีหนักเบาไม่เหมือนกัน จึงต้องเข้าใจหลักในการเข้าซื้อหุ้นเที่ยวนี้เสียก่อนเจ้าค่ะ
*คิดดูแล้วกัน! ข้อมูลทางสถิติที่มีการพูดถึงเปอร์เซ็นต์ที่ทำให้ตกหนักสุดเกิดจากเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ดัชนีรูดลงเฉลี่ย 22% และใช้เวลาเฉลี่ย 118 วัน เพื่อดัชนีวิ่งกลับขึ้นมาเท่าเดิม รองลงมาเป็นภัยธรรมชาติ ทำให้ดัชนีรูดลงเฉลี่ย 15% และใช้เวลาเฉลี่ยกว่า 50 วัน เพื่อดัชนีวิ่งกลับขึ้นมาเท่าเดิม และสุดท้ายเป็นเรื่องความไม่สงบ ซึ่งทำให้ดัชนีรูดลงเฉลี่ย 7% และใช้เวลาเฉลี่ย 30 วัน เพื่อดัชนีวิ่งกลับขึ้นมาเท่าเดิม..ทั้งหมดเป็นเรื่องของเงื่อนเวลา และคนที่มีสายป่านยาวย่อมได้เปรียบทุกประตูนะคะ
*ข้อมูลตรงนี้ถือเป็นสถานการณ์ที่บอกเล่าถึงภาพรวมของดัชนี ซึ่งเป็นจังหวะดีสำหรับคนที่สามารถพลิกแพลงไปเล่น TFEX ส่วนคนที่ชอบลงทุนในหุ้นรายตัวจะเห็นว่า หุ้นสายการบินกลายเป็นหุ้นอันตรายที่ไม่เหมาะต่อการลงทุนเลยจริงๆ จนถึงขนาดมีการเปรียบเปรยแบบกระทบกระเทียบว่า ใครที่อยากจะจนลงเรื่อยๆ ก็ขอให้เดินหน้าซื้อหุ้นสายการบินต่อไปไงล่ะค่ะ
*ส่วนกรณีของ AOT โดนถล่มอย่างหนักหน่วง จนหุ้นทรุดลงมากองอยู่ที่ 268 บาท ลบไป 19 บาท หรือลงไป 6.62% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.17 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 15% ของมูลค่ารวมทั้งตลาดหุ้นนั้น “โมนิก้า” กลับไม่ค่อยมีอาการวิตกแต่อย่างใด เพราะมองในมุมกลับจะเห็นว่า มีคนเข้ามารับหุ้นค่อนข้างเยอะ และก่อนหน้านี้ยังเคยเห็นจุดเด้งกลับอยู่แถวๆ 250 บาท จึงเป็นโอกาสของการทยอยสะสม แต่ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่า กองทุนยังสาดหุ้นออกมาอีกหรือเปล่า?
*เช่นเดียวกับในรายของ CPN โดนถล่มเสียจนยับเยิน และแทบไม่หลงเหลือสภาพ มันเป็นมุมมองของมือใหม่หัดเล่น ในเมื่อข้อมูลในรอบ 2 ปียืนยันชัดเจนว่า จุดเด้งกลับหลักอยู่ที่ 40 บาท กับ 35 บาท แถมทั้ง 2 จุด ยังเคยแสดงให้เห็นมากับตาถึงสองครั้งสองคราด้วยกัน “โมนิก้า” ถึงมองการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 42 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 6.60% ด้วยมูลค่า 2.30 พันล้านบาท เป็นจุดที่น่าทยอยซื้อนะจะบอกให้
*ทางด้านอดีตขวัญใจกองทุนอย่าง MINT โดนกระทำชำเรามาเป็นเวลานานแล้ว แต่วานนี้กลับโดนชำเราอย่างหนักนั้น “โมนิก้า” อาจรู้สึกสงสารในใจอย่างหนักก็จริง แต่ทั้งหมดถือเป็นผลพวงที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกในชีวิต จึงต้องตีโจทย์ให้แตกสักทีว่า นี่ใช่จุดซื้อไหม? คำตอบ คือ ใช่! เพราะหุ้นทิ้งตัวลงแรง พร้อมกับเปิดแก๊ปไว้ที่ 25.50 บาท มันหมายความว่า หุ้นจะต้องขึ้นมาปิดแก๊ปอีกครั้ง ขณะที่วานนี้หุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 23.70 บาท ลบไป 1.80 บาท หรือลงไป 7% มันคือโอกาสจริงๆ นะจ๊ะ
*ป.ล.ในเมื่อนักลงทุนขาดข้อมูลที่บรรยายถึงเหตุการณ์ต่างๆ อย่างละเอียด ก็ควรจะมาหาข้อมูลในงานสัมมนาของ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ในวันที่ 22 ส.ค. 58 ที่จัดขึ้น ณ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งในวันนั้นจะมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการลงทุนในช่วงโค้งสุดท้ายปี 58 และยังเปิดโอกาสให้ซักถามนักวิเคราะห์ระดับเทพอีกด้วย จึงอยากเชิญชวนทุกคนที่อยากพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ควรจะมาร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้..เดี๋ยวจะหาว่า มีอะไรดีแล้วไม่บอกนะค่ะ