3 หุ้นเล็กพริกขี้หนู
โบรกฯแนะลงทุน 3 หุ้นขนาดเล็ก พื้นฐานดี - มีจุดแข็งเฉพาะตัว ระหว่างรอดูภาพใหญ่เศรษฐกิจ - การเมือง
เส้นทางนักลงทุน
ภาพใหญ่ทางเศรษฐกิจและการเมือง ดูเหมือนมีแรงกดดันอยู่หลายประการ !?
ในทางเศรษฐกิจเริ่มต้องหันกลับมาดูว่า การทุ่มเม็ดเงินผ่านมาตรการการเงิน-การคลังในช่วงที่ผ่านมาสร้างภาระต่อฐานะของแต่ละประเทศมากเพียงใด และจะมีความพร้อมในการอัดฉีดมาตรการต่าง ๆ ในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 รวมถึงช่วงหลังจากนี้จะมีระบาดมากเพียงใด หากมีข้อจำกัดก็อาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในภาวะถดถอยในปัจจุบันเกิดขึ้นได้ช้า
ส่วนประเด็นทางการเมืองในประเทศ ปัจจุบันดูเหมือนมีแรงกดดันจากทั้งรอยร้าวภายในของแต่ละพรรคการเมือง, รอยร้าวระหว่างพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล และการออกมาชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาพร้อมข้อเรียกร้องที่รัฐบาลยากจะทำตาม
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่จะเห็นได้เร็วที่สุดน่าจะเป็นเรื่องการปรับ ครม. ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อยุติภายในเดือน ส.ค. 2563 ส่วนสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ทั่วโลกยังรุนแรง ภายใต้ปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวคาดว่าน่าจะทำให้เม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ในสินทรัพย์ปลอดภัย แล้วจะทำให้ SET index ปรับขึ้นไปได้ยาก
ดังนั้นระหว่างรอดูภาพใหญ่ของเศรษฐกิจและการเมือง การลงทุนก็ยังคงดำเนินการต่อไป ซึ่งระหว่างรอความชัดเจนมีข้อมูลน่าสนใจจาก บล.เอเซีย พลัส ว่าด้วยหุ้น Top Pick เลือกหุ้นขนาดเล็กที่มีจุดแข็งเฉพาะตัวอย่าง MCS, INSET และ DCC เพราะถือว่าเป็นหุ้นเล็กพริกขี้หนูที่อยู่ในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ก็ว่าได้ !!!
บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS เนื่องจากบริษัทเหลือ Backlog ณ สิ้นปี 2562 ประมาณ 1.2 แสนตัน ซึ่งเป็นเหล็กโครงสร้างส่งไปญี่ปุ่นและมีกำไรดี
นอกจากนั้นตั้งแต่ต้นปี 2563 ถึงปัจจุบัน ได้งานใหม่เพิ่มแล้วทั้งหมด 4 โครงการ จำนวนรวม 23,150 ตัน ซึ่งล้วนเป็นงานเหล็กโครงสร้างส่งออกไปญี่ปุ่นจึงมีกำไรดี
พร้อมด้วยปัจจุบันกำลังเจรจาโครงการขนาดใหญ่ที่ญี่ปุ่นเพิ่มซึ่งเป็นงานเหล็กโครงสร้างประมาณ 70,000 ตัน และมีราคาดีถึง 300,000 เยน/ตัน จากมีความซับซ้อนของงานเหล็กโครงสร้างสูง คาดจะประกาศผลได้อย่างเป็นทางการได้ประมาณเดือน ส.ค.นี้
อย่างไรก็ดีทั้ง 4 โครงการใหม่ที่ได้แจ้งตลาดในเดือน เม.ย.-มิ.ย. บางส่วนจะรับรู้รายได้ในปี 2563 นี้
ผลดังกล่าวทำให้มีการปรับเพิ่มประมาณการ เป็นยอดส่งมอบเหล็กส่วนใหญ่ส่งไปญี่ปุ่นประมาณ 52,000 ตัน จากเดิมคาดไว้ 50,000 ตัน เทียบกับปีก่อน มีงานเหล็กส่งมอบไปญี่ปุ่นเพียง 37,434 ตัน และเป็นงานในประเทศซึ่งมีกำไรต่ำ 13,654 ตัน
ทั้งนี้ประเมินยอดรับรู้รายได้ในปีนี้ 3,619 ล้านบาท เติบโต 10% และคาดจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 744 ล้านบาท เติบโต 22% ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2563 คาดจะยังเด่นต่อเนื่องประมาณ 180 ล้านบาท โต 53% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากที่ยังรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานเหล็กโครงสร้างไปญี่ปุ่นต่อเนื่อง
บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET เนื่องจากบริษัทมี Backlog ณ สิ้นปี 2562 สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 2 พันล้านบาท งานใหญ่เป็นงานส่วนท่อร้อยสายใต้ดินกทม. 800 ล้านบาท ซึ่งจะมีการส่งมอบอย่างเร็วปลายปี 2563 หรือต้นปี 2564 เนื่องจากปัจจุบันเพิ่งอยู่ในกระบวนการทำ Demo Site งาน และกำลังรอให้ กทม.เจ้าของโครงการตรวจสอบอนุมัติก่อนเข้า Site ส่วนการส่งมอบงานอื่น ๆ เช่น การสร้างเสาโทรคมนาคม, งานลากสายไฟเบอร์ ทำให้บริษัทน่าจะส่งมอบงานได้ตามกำหนดในปี 2563
ทั้งนี้จะรับรู้เป็นรายได้จาก Backlog (ที่มีอยู่ 2 พันล้านบาท) ในปีนี้ราว 600-700 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ไปถึง 5 ปี หรือภายในปี 2567
อย่างไรก็ดีบริษัทได้ลงนามสัญญาจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการ New Tier III Modular DC (BBT) ตามสัญญาลงวันที่ 16 มิถุนายน 2563 มูลค่างาน 339.25 ล้านบาท โดยลักษณะโครงการ เป็นรับเหมาก่อสร้าง Data Center แบบ Modular ในพื้นที่ของศูนย์คอมพิวเตอร์บางบัวทอง เป็นไปตามมาตรฐาน Tier III งานออกแบบและก่อสร้างจากสถาบัน Uptime
และล่าสุดไม่นานมานี้บริษัทได้รับใบสั่งซื้อและหนังสือสั่งจ้างโครงการติดตั้งวงจรกรองสัญญาณย่านความถี่ 850 MHz คิดเป็นมูลค่างานรวม 1.16 พันล้านบาท
นอกจากนี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 2563 จะเติบโตราว 20% เป็น 144 ล้านบาท โดยมองว่ากำไรจะขยายตัวสูงในครึ่งหลังของปี 2563 เพราะมีการส่งมอบงานเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการรับงานใหม่ ๆ เข้ามาในครึ่งแรกปี 2563 ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลัง
บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC แม้ภาพรวมยอดขายกระเบื้องปูพื้น-บุผนัง ในประเทศเดือน เม.ย-พ.ค. หดตัวราว 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ผู้นำตลาดอย่าง DCC กลับสร้างยอดขายเติบโตสูงถึง 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุกที่บุกหาลูกค้าถึงบ้านจากฐานลูกค้าในมือที่มีกว่า 4 แสนราย และมีการออกสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค รวมถึงมีต้นทุนการผลิตที่ลดลงตามราคาก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดีเซล
สิ่งสำคัญดาดการณ์กำไรไตรมาส 2/2563 ของ DCC จะเติบโตสูงถึง 97% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทำให้ต้องปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ขึ้นอีก 20% ถือเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
ขณะเดียวกัน DCC มีแผนงานในปีนี้ คือ 1. ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 สินค้าที่มีกำไรดีขึ้น คือ กระเบื้องปูพื้นขนาดใหญ่ 60×120 ซม. เพื่อทดแทนการนำเข้าซึ่งมีราคาสูง กระเบื้องบุผนังขนาดใหญ่ 30×50 ซม. และ กระเบื้องกันลื่น 2. ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น คาดประหยัดได้ประมาณ 70 ล้านบาท และ 3. เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ทั้ง 3 หุ้นเป็นเพียงการคัดสรรว่าด้วยเรื่องพื้นฐานดี เพราะถือว่าเป็นหุ้นที่มีจุดแข็ง “หุ้นเล็กพริกขี้หนู” ยามรอความชัดเจน !!!