หุ้นชนะอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีหลักทรัพย์ฯ ออกสตาร์ตช่วงต้นปี 63 ที่ 1,579 จุด โดยหลุดระดับ 1,000 จุด เมื่อกลางเดือนมี.ค. (13 มี.ค.) จากแพนิกราคาน้ำมันในตลาดโลกติดลบ ที่ซาอุฯ เปิดสงครามถล่มราคา และหลังจากนั้นมาก็เจออิทธิฤทธิ์โควิด-19 เข้าเต็มเปา ตลาดหุ้นโซซัดโซเซราวเรือฝ่ามรสุม
ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์
ดัชนีหลักทรัพย์ฯ ออกสตาร์ตช่วงต้นปี 63 ที่ 1,579 จุด โดยหลุดระดับ 1,000 จุด เมื่อกลางเดือนมี.ค. (13 มี.ค.) จากแพนิกราคาน้ำมันในตลาดโลกติดลบ ที่ซาอุฯ เปิดสงครามถล่มราคา และหลังจากนั้นมาก็เจออิทธิฤทธิ์โควิด-19 เข้าเต็มเปา ตลาดหุ้นโซซัดโซเซราวเรือฝ่ามรสุม
ดัชนีปัจจุบันอยู่ใต้ระดับ1,340 จุด ยังต่ำกว่าดัชนีต้นปีอยู่กว่า 200 จุด ราคาหุ้นระดับเซเลบ ปรับตัวลงมาในระดับ 20-30% ไม่เห็นจะมีหุ้นสักตัวที่แข็งขืนกระแสได้ ดัชนีตลาดสิ้นปีนี้ ไม่เห็นวี่แววจะปรับตัวขึ้นไปที่ 1,400 จุด ได้ และแนวโน้มอาจจะหลุดระดับ 1,300 จุด เอาด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ดี แม้สถานการณ์จะดูเลวร้าย แต่ก็ใช่ว่า ช่องทางลงทุนจะปิดสนิท ไม่มีหลักทรัพย์ตัวใดให้เข้าลงทุนได้เอาเสียเลย ในภาวะตลาดอันผันผวนสูงเช่นนี้ ถ้าเล่นหุ้นแบบการพนันก็รับรองได้ว่า “หมดตูด” เข้าตลาด 10 คน ก็ตายทั้ง 10 คน
เล่นแบบนักสถิติ ที่เคยเห็นราคาสูงสุดของตัวหุ้น แล้วเข้าชื้อตอนราคาต่ำ ก็จะ “ติดดอย” เพราะหุ้นไม่มีทางหวนกลับคืน มาในราคาเก่า
เล่นแบบ “วีไอเข้ม” ก็จะพลาดโอกาส ที่หาหุ้นเข้าพอร์ตไม่ได้สักตัวเดียว เพราะสิ่งแวดล้อมตลาดก็เลวร้าย หุ้นแบงก์ก็อันตราย หุ้นค้าปลีก-ท่องเที่ยว-โรงแรมก็ไม่น่าไว้ใจ หุ้นพลังงานก็ไม่ได้เป็น “แม่เหล็ก” เหมือนก่อน แต่ความเป็นจริงนั้น หุ้นก็ยังเป็นขาตัว “W” ที่มีขึ้นมีลงแบบสลับฟันปลา
หาก “วีไอเข้ม” เวลาช่วงนี้ก็ต้องหาที่เที่ยวพักผ่อน ไม่ต้องสนใจดูตลาดหุ้นกันแล้ว แต่ข้อจำกัดตอนนี้ก็คือ ไม่มีแหล่งพักผ่อนต่างประเทศให้ไป นอกจากเที่ยวในประเทศเอง
การลงทุนในตลาดช่วงนี้ ต้องลงทุนใน “หุ้นปันผล” สถานเดียว ซึ่ง “SET SMART” ของตลาดหลักทรัพย์ฯ รวบรวมหุ้นปันผลสูงมาให้ดู ปรากฏว่า มีเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ ให้ดูหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน (Yield) สูงตั้งแต่ 8% ขึ้นไป มีตั้ง 50 หลักทรัพย์แน่ะ!
หุ้นผลตอบแทนสูงระดับ 20% ขึ้นไป มีอยู่ 6 ตัว ได้แก่ NOBLE 66.67, SVI 58.79%, JAS 49.92%, LRH 38.09%, UV 32.89% และTCAP ทุนธนชาต 17%
หุ้นปันผลสูงทั้ง 6 ตัวนี้ ส่วนใหญ่ก็เกิดจากการ “ปันผลพิเศษ” ในบางงวดไตรมาส อย่างเช่นบมจ.ทุนธนชาต ก็ปันผลพิเศษจากการควบรวมกิจการกับธนาคารทหารไทย และโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ปันผลพิเศษจากกำไรสะสมก่อนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ปันผลพิเศษจากกำไรการขายทรัพย์สินเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
หุ้นทั้ง 6 ตัวดังกล่าว แม้ไม่มีรายการปันผลพิเศษ ก็ยังให้ผลตอบแทนปันผลปกติในระดับ 6-8%
สำหรับหุ้นที่ให้ผลตอบแทนระดับ 10% ขึ้นไป -17% ก็มีนับได้ถึง 18 ตัว อาทิ นามยง เทอร์มินัล (NYT), พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH), ไทย อะโกร เอ็นเนอยี่ (TAE), แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ (LPN), ทิสโก้ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (TISCO), แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (AIT), ธนาคารเกียรตินาคิน และแสนสิริ
หุ้นให้ผลตอบแทนระดับ 9% ขึ้นไป มีทั้งสิ้น 17 หลักทรัพย์ อาทิ บล.เคจีไอ, บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง, สหมิตรเครื่องกล, แลนด์แอนด์เฮ้าส์, ควอลิตี้ เฮ้าส์, เสนาดีเวลลอปเม้นท์ และสวนอุตสาหกรรมโรจนะ
หุ้นให้ผลตอบแทนระดับ 8% ขึ้นไป มีอยู่ 9 ตัวอาทิ เอเซียน อินซูเลเตอร์ (AI), ราชธานีลิสซิ่ง (THANI), โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ (GC), ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB), ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) และสามารถเทลคอม (SAMTEL)
หุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงเช่นนี้ ยังไงก็ชนะอัตราดอกเบี้ยในระบบ ที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเตี้ยเรี่ยดินไม่เกิน 1% และส่วนใหญ่ก็เป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ แม้บางปีจะมีผลกำไรต่ำ ก็สามารถจะดึงเงินจาก “กำไรสะสม” มาปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้นได้
ถึงแม้ซื้อวันนี้แล้ว ราคาหุ้น อาจจะปรับตัวลดลงอีก แต่ก็ยังอุ่นใจได้ที่มี “เงินปันผล” ตอบแทน หากไม่ขายเสียก็ไม่ถือว่าขาดทุน ซึ่งเมื่อไหร่ เศรษฐกิจหรือโรคระบาดกลับคืนสู่ภาวะปกติ ราคาหุ้นก็จะคืนกลับมาโดยง่าย
บริษัทพลังงานขนาดใหญ่เช่น กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ก็ยังบริหารสภาพคล่องส่วนเกิน โดยเข้าลงทุนในINTUCH ซึ่งเป็นหุ้นให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอในระดับไม่น้อยกว่า 4% ยังไงเสียก็ดีกว่าผลตอบแทน 1% ที่เอาเงินฝากแบงก์แน่
ยามนี้ หุ้นปันผลสูงคือ ทางเลือกอันปลอดภัยที่สุดในตลาด และก็เป็นของดีที่ไม่ถึงกับหายาก