พาราสาวะถี

มีประเด็นให้เป็นคำถามได้ต่อเนื่องกับเรื่องอัยการสั่งไม่ฟ้อง วรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส กระทิงแดง องค์กรอัยการกลายเป็นตำบลกระสุนตก ตามมาด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนที่พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยก็หนีไม่พ้นรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะกรณีนี้มันจะเป็นบทพิสูจน์เรื่องความเหลื่อมล้ำได้อีกประการหนึ่ง กับวลีเด็ดเล่นกับความรู้สึกของประชาชนคุกมีไว้ขังคนจน ที่มันไปไกลจนยากที่ปฏิบัติการณ์ข่าวสารหรือไอโอใด ๆ จะล้มล้างได้


อรชุน

มีประเด็นให้เป็นคำถามได้ต่อเนื่องกับเรื่องอัยการสั่งไม่ฟ้อง วรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส กระทิงแดง องค์กรอัยการกลายเป็นตำบลกระสุนตก ตามมาด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนที่พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยก็หนีไม่พ้นรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะกรณีนี้มันจะเป็นบทพิสูจน์เรื่องความเหลื่อมล้ำได้อีกประการหนึ่ง กับวลีเด็ดเล่นกับความรู้สึกของประชาชนคุกมีไว้ขังคนจน ที่มันไปไกลจนยากที่ปฏิบัติการณ์ข่าวสารหรือไอโอใด ๆ จะล้มล้างได้

วันเสาร์ที่ผ่านมา ศูนย์กฎหมายอาญา และอาชญาวิทยา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดเสวนาโต๊ะกลมในหัวข้อคดี (กระทิงแดง) ชนตำรวจ : นักกฎหมายเห็น สังคมรู้สึก คำถามที่กระบวนการยุติธรรมต้องตอบ” ปุจฉาจาก ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีธรรมศาสตร์ หากกระบวนการยุติธรรมไทยเราน่าเชื่อถือ คงไม่ต้องจัดเสวนาในวันนี้ เพราะปัญหาคือ เรากำลังสงสัยในความน่าเชื่อถืออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นครั้งที่ร้อนแรงที่สุดเทียบเคียงได้กับคดีเชอรี่แอน

สิ่งที่สังคมอยากกังขาและเกิดเป็นปฏิกิริยาจนกระทั่งคนในครอบครัวอยู่วิทยาต้องออกมาขอที่ยืนทางสังคม คงอธิบายได้จากข้อสังเกตของอาจารย์ปริญญา ในวันแรกที่คนไทยรู้ข่าวก็รู้จากสำนักข่าวต่างประเทศ ทั้งที่เป็นคดีอยู่ในความสนใจคนไทยมาตลอด 8 ปี คนจึงสงสัยว่า “เงินง้างความยุติธรรมได้จริงหรือไม่ เพราะสั่งไม่ฟ้องไปเงียบ ๆ” โดยที่อดีตนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยยุคพฤษภาทมิฬ 35 รายนี้ตั้งข้อสงสัยไว้อย่างน่าสนใจ

ข้อกล่าวหาที่ตำรวจตั้งไว้เป็นพรวนในตอนแรกนั้น ขับรถขณะเมาสุรา ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนดก็ขาดอายุความ ที่มีเพียง 1 ปี ขับรถประมาททำทรัพย์สินเสียหาย ก็ขาดอายุความ ขับรถชนและไม่หยุดช่วยเหลือ อายุความ 5 ปี ก็ขาดเช่นกัน ส่วนกระทำการโดยประมาทจนเป็นเหตุให้คนตาย 10 ปี ซึ่งขาดอายุความในขณะที่คดีอยู่ในมือของตำรวจ คนก็สงสัยอยู่แล้วว่า เหมือนมีการทำอะไรบางอย่างเพื่อเอื้อต่อผู้ต้องหาหรือไม่

ที่หนักข้อมากไปกว่านั้นก็คือ ข้อหาตรวจเจอโคเคนขณะขับรถ ก็ไม่มีการตั้งข้อหา สรุปเหลือเพียงคดีเดียวที่จะไปถึงศาลได้ อยู่ในขอบเขตศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งได้สั่งฟ้องไปแล้ว ดังนั้น หากจะสั่งไม่ฟ้องเพราะว่าที่สอบสวนมาไม่น่าเชื่อถือ พยานหลักฐานใหม่หักล้างได้ทุกข้อสัย ในมุมของปริญญาก็มองว่าหลักฐานใหม่ไม่ได้หักล้าง ในความรู้สึกคือเพียงเอามาเพิ่มเท่านั้น พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ที่จะเกษียณในเดือนหน้าจะลอยตัวไม่ได้ต้องตอบคำถามสื่อมวลชน

ที่น่าสงสัยประการต่อมาคือลำพังมีเพียงพยานใหม่ 4 คน ก็หักล้างหลักฐานเก่าได้เลยหรือ แล้วทำไมพยานเหล่านี้เพิ่งมาปรากฏตัวเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี ทั้งยังไม่ได้มีการให้คำอธิบายอย่างสิ้นสงสัย ซึ่งความจริงเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ น่าจะคุยกันได้ ขนาดคนทั่วไปขับรถเกินกฎหมายกำหนดอยู่เนือง ๆ ยังถูกตรวจวัดได้ กรณีนี้แตกต่างกันมาก กับความเร็วที่หายไป จาก 177 กับ 76 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พยานหลักฐานที่ขับตามมาให้การว่าวรยุทธขับรถมาด้วยความเร็วเพียงแค่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เห็นผู้ตายเปลี่ยนเลนรถจึงเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ได้เกิดจากความไม่ระมัดระวัง คนผิดคือคนที่ตายที่ขับรถปาดหน้า จึงไม่มีเหตุในการฟ้อง จึงสั่งไม่ฟ้อง ทำไมพนักงานอัยการจึงเชื่อ 2 คนนั้นง่ายเหลือเกิน ทั้งที่เพิ่งมาปรากฏตัวในปี 2562 อัยการไม่สงสัยอย่างที่คนทั่วไปสงสัย หรือ เพราะเหตุผลเดิมที่เคยสั่งฟ้องไปแล้วมาสั่งไม่ฟ้องต้องหักล้างของเดิมได้

อย่างแรก ผู้ที่ขับรถตามมาได้ขับตามมาจริงหรือไม่ มีอะไรมายืนยันเพียงพอหรือไม่ เหล่านี้เป็นข้อสังเกต ความจริงควรต้องมาแถลงต่อสาธารณชนว่าเข้าใจผิดเพื่อให้สิ้นสงสัย แต่กระบวนการนี้ไม่มี จู่ ๆปรากฏพยานขึ้นมา 2 คน ตำรวจค้านได้แต่ไม่ค้าน ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องจริง ตำรวจมีส่วนด้วยอย่างแน่นอน ตามหลักการถ่วงดุลที่คัดค้านได้แต่ไม่คัดค้าน ที่น่าเศร้าก็คือ การกระทำเช่นนี้ เป็นการทำให้คนตายกลายเป็นคนผิดจริงหรือไม่ เพื่อให้คนผิดจริงพ้นข้อหาหรือไม่

นี่คือเหตุที่ทำให้สังคมเกิดกระแสไม่พอใจอย่างรุนแรง คนโดนชนตายแล้วกลายเป็นคนผิด สังคมนิ่งเฉยไม่ได้ ประมาทแล้วทำให้ตายเป็นอาญาแผ่นดิน การมีสินไหมทดแทนไม่ใช่เหตุสั่งไม่ฟ้อง แม้ผู้ชนแล้วตาย เมาแล้วขับ ไปงานศพ ดูแลญาติ รับผิดทุกอย่าง ที่ผ่านมาอัยการก็สั่งส่งฟ้องต่อศาล แต่กรณีนี้ไม่ ปริญญาจึงตั้งคำถามที่ฟังแล้วเจ็บปวดว่า “พวกผมจะสอนหนังสือกันอย่างไร” นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ต้องตั้งคำถามว่าจะไปถึงศาลได้หรือไม่ แต่จะไปถึงศาลได้อย่างไร สังคมต้องชวนกันจับตาร่วมกัน

เรื่องที่น่าขำแต่เป็นการหัวเราะทั้งน้ำตา คงเป็นประเด็นการพบสารเสพติดโคเคนในตัวทายาทกระทิงแดง กับข้อแก้ต่างที่ว่าเกิดจากการไปทำฟันแล้วหมอใช้แทนยาชา ทำเอาวงการทันตกรรมต้องออกมาตอบโต้ทันควัน ไปอยู่หลังเขาที่ไหนมาเขาเลิกใช้กันมากว่าร้อยปีแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงต้องตั้งคำถามต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าตรวจพบสารแต่ไม่ตั้งข้อหา เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่

สิ่งที่ปริญญาทิ้งท้ายในวงเสวนาดังกล่าวต้องขีดเส้นใต้และเป็นการบ้านให้ท่านผู้นำที่อ้างเรื่องการเคารพกฎหมายตลอดเวลา ตนอ่านข่าวต่างประเทศแล้วเศร้าใจ สื่อญี่ปุ่นพูดถึงประเทศไทยว่า “ก็ยังด้อยพัฒนาอยู่ เงินสามารถทำให้ไม่ติดคุกได้” เราจะยอมให้มีภาพลักษณ์เช่นนี้ในสายตานานาชาติหรือ แล้วใครจะมาลงทุน ความยุติธรรมต้องทำให้คนเห็นด้วยว่ายุติธรรม เพราะถ้าคนไม่เชื่อถือ คนก็ไม่เชื่อถือ สมควรที่ตำรวจและอัยการต้องตั้งหลักกันใหม่ คดีนี้ส่งให้ศาลดีกว่าหรือไม่ เพราะเป็นทางเดียวที่จะเรียกความเชื่อมั่นให้กระบวนการยุติธรรมได้

ส่วนฝ่ายที่หนีโดยมีครอบครัวออกมาเรียกร้องขอพื้นที่ในสังคมนั้น บอกได้คำเดียวว่าทางเดียวที่จะได้รับการให้อภัยก็คือ การกลับมายอมรับความผิดแล้วเข้าสู่กระบวนการเสีย คุกอาจจะขังคุณไม่ได้แต่สังคมนั้นใหญ่กว่าคุก มิเช่นนั้น ครอบครัวอภิมหาเศรษฐกิจที่อยู่กันอย่างเงียบเชียบคงไม่ต้องออกมาร้องขอความเห็นใจกันเช่นนี้ แค่คิดว่าเจ้าตัวกลับมาประเทศไทยแล้วไปไหนไม่ได้มันจะมีค่าอะไร คนในครอบครัวเดินไปทางไหนมีแต่เสียงนินทาว่าร้าย เงินมากมายมหาศาลหมื่นล้านแสนล้านก็ซื้อความสุขทางใจไม่ได้

Back to top button