หุ้นท่องเที่ยวลูบคมตลาดทุน
วานนี้ปิดตลาดหุ้นไทย หุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวก็ยังกดดันดัชนีอยู่
ธนะชัย ณ นคร
วานนี้ปิดตลาดหุ้นไทย หุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวก็ยังกดดันดัชนีอยู่
อย่างหุ้นบมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT หลังวันที่เกิดเหตุระเบิดย่านราชประสงค์ ราคาก็รูดปิดตลาดกว่า 7-8%
วานนี้ก็ยังปรับลง และเป็นตัวกดดัชนีมากสุดเป็นอันดับ 2 รองจาก PTT
ทั้งนักลงทุนและนักวิเคราะห์ ต่างมองเหมือนกันเลยว่า หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เจ๊งระเนระนาดแน่ๆ จึงต้องปรับพอร์ต และทิ้งมันออกไปซะ
แม้บางคนมองว่าจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
แต่การที่ไม่มีหุ้นพวกนี้อยู่ในพอร์ต ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะบรรดานักลงทุนระยะสั้น
เมื่อปี 2549 ที่เกิดเหตุระเบิด 9 จุดในกรุงเทพฯ
ครั้งนั้นหุ้น AOT ปรับลง 7.9% และใช้เวลากว่า 1.5 เดือนกว่าราคาหุ้นจะกลับมายืนที่จุดก่อนเกิดเหตุระเบิดได้
ในครั้งนี้ก็เช่นกัน หุ้น AOT ก็ถูกมองว่า ยังคงปรับขึ้นๆ ลงๆ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวจะกลับคืนสู่สภาวะปกตินั่นแหละ
แต่หากใครเป็นนักลงทุนระยะยาว ก็มีคำแนะนำทยอยสะสมหุ้น AOT กันได้ในช่วงราคาอ่อนตัว
หันมาดูกลุ่มการบินกัน
การบินไทย THAI ราคาเริ่มฟื้นตัวได้บ้าง
เดิมนั้นก็คิดไปว่า ราคาน่าจะรูดต่ออีก เพราะนอกจากผลประกอบการจะขี้ริ้วขี้เหร่แล้ว ยังมาเจอเหตุการณ์ระเบิดอีก
แต่จากราคาที่ลงมาอยู่ตรง 10 บาท แถวบ้านเขาก็เรียกว่าถูกเป็นขี้แล้ว
ซื้อๆ ไปเหอะ เก็บเข้าพอร์ตไว้
แต่เรื่องนี้ก็ต้องมาดูกันด้วยว่า แม้เหตุการณ์ระเบิดจะคลี่คลาย ปัจจัยลบหายไปแต่หากผลประกอบการยังขี้เหร่ ก็ยังต้องตัวใครตัวมันกันอยู่ล่ะ
ส่วนหุ้นการบินตัวอื่นๆ ก็เริ่มฟื้นบ้าง
ทั้งแอร์เอเชีย AAV นกแอร์ NOK และบางกอกแอร์เวย์ส หรือ BA
แต่หากมาดูปฏิกิริยาของประเทศต่างๆ แม้จะมีบางประเทศออกโรงเตือนคนของประเทศตัวเองว่าเดินทางมาประเทศไทยนั้นอาจมีความเสี่ยง
แต่ก็มีหลายประเทศที่ยังไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร
หรือที่สนับสนุนก็มี เช่น ออสเตรเลีย ที่สนับสนุนให้คนของประเทศตัวเอง ยังคงสามารถเดินทางมาประเทศไทยได้
คนที่กล่าวเรื่องนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ โทนี แอบบอตต์ นายกรัฐมนตรีของประเทศออสเตรเลีย
“ประเทศไทยเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร ประชาชนออสเตรเลียหลายล้านคนมีความทรงจำที่ดีต่อการท่องเที่ยวประเทศไทยเพราะฉะนั้น ชาวออสเตรเลีย ควรยังคงเดินทางไปเยือนประเทศไทย เพราะเป้าหมายของมือวางระเบิดคือการข่มขู่ให้เรากลัวจากการเป็นตัวของเราเอง“
หากข้อมูลไม่ผิดพลาด คนออสเตรเลีย เดินทางมาประเทศไทย หากไม่เกิน 30 วันไม่ต้องขอวีซ่าครับ
มีการเสนอว่า น่าจะขยายเวลาการพำนักในประเทศไทยกับคนออสเตรเลียให้ยาวขึ้น หรืออาจเป็นซัก 60 วัน หรืออาจจะ 90 วันก็ได้
ส่วนคนไทยที่ใครไปเที่ยวญี่ปุ่นกันบ่อยๆ ก็ไปเที่ยวออสเตรเลียกันบ้าง
ค่าใช้จ่ายไม่ได้แตกต่างกันมาก
ส่วนของนิวซีแลนด์ ล่าสุด กลุ่มนักท่องเที่ยว ที่มีกำหนดเดินทางมาไทย ก็ยังไม่มีการยกเลิกกัน
เว็บไซต์เซฟแทรเวลของรัฐบาลนิวซีแลนด์เตือนว่านักท่องเที่ยวในไทยยังคงมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอยู่บ้างจากความตึงเครียดทางการเมืองและมีความเสี่ยงสูงในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนทางใต้และจังหวัดชายแดนติดกับกัมพูชาและเมียนมาร์ขอเตือนชาวนิวซีแลนด์ในไทยอย่าแสดงความเห็นทางการเมืองต่อสาธารณะและสื่อสังคมออนไลน์
ส่วนนักท่องเที่ยวจากกลุ่มไต้หวัน และจีน ยังคงมาไทยตามกำหนดการเดิม
มาดูที่ฮ่องกงกันบ้างครับ
สภาการท่องเที่ยงฮ่องกง แจ้งว่ายกเลิกทัวร์ในไทยถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากนั้นจะประเมินอีกครั้ง
สำหรับกลุ่มนี้มีราวๆ 200 คณะ คิดเป็นนักท่องเที่ยว ราวๆ 4 พันคน
ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวของฮ่องกง ประเภทที่เดินทางมาเอง หรือเป็นกลุ่มเล็กๆ ก็ยังคงเดินทางมาตามกำหนดการเดิม
เห็นข้อมูลแบบนี้ก็พอจะชื่นใจ
ยิ่งวานนี้ เริ่มมีความชัดเจนในการปรับคณะรัฐมนตรีแล้ว ก็กลายเป็น Sentiment เชิงบวกด้วย
เพราะต่างก็ฝากความหวังว่า รัฐบาลนายก “ลุงตู่ 3” ภายใต้การคุมทีมเศรษฐกิจของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” จะมีอะไรให้น่าตื่นเต้นแบบบวกๆ บ้าง