ขู่ให้หยุดเสนอข่าว
นสพ.ข่าวหุ้นธุรกิจ ได้รับโนติสจากสำนักงานบัญชาทนายความและการบัญชีโดยนายปิยกร ปรมีศณาภรณ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจแล้วล่ะครับ ให้ยุติการนำเสนอข่าวในทางที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์
นสพ.ข่าวหุ้นธุรกิจ ได้รับโนติสจากสำนักงานบัญชาทนายความและการบัญชีโดยนายปิยกร ปรมีศณาภรณ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจแล้วล่ะครับ ให้ยุติการนำเสนอข่าวในทางที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
หนังสือทนายความอ้างถึงการนำเสนอข่าว “คิงเพาเวอร์ปล้นเงียบ โบรกฯหั่นเป้าราคาAOT” เป็นการพาดหัวข่าวด้วยถ้อยคำกล่าวหาอันเป็นเท็จและร้ายแรงยิ่ง
เป็นข้อสรุปเพื่อชี้นำหรือโน้มน้าวให้ผู้อ่านทั่วไปเข้าใจว่า กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ฯ ทำให้บริษัท ท่าอากาศยานไทยเสียหาย เนื่องจากกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ฯ ได้รับส่วนลดผลตอบแทนขั้นต่ำจากทอท.
กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ฯ ขอเรียนว่าการนำเสนอข่าวในลักษณะดังกล่าวของพวกท่านกระทำโดยไม่อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งพวกท่านย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าการนำเสนอข่าวย่อมทำให้กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ฯ ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เสื่อมเสียเกียรติยศ เกียรติคุณเป็นอย่างมาก
ข้าพเจ้าในฐานะทนายความของกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ จึงขอให้ท่านยุติการนำเสนอข่าวในทางที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ฯ ทั้งช่องทางหนังสือพิมพ์รายวันข่าวหุ้น และในช่องทางอื่นใดที่อยู่ในความรับผิดชอบของท่านโดยทันที
โดยกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญากับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดตามกฎหมายต่อไป ข้าฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
นี่ก็คือเนื้อหาเต็ม ๆ แทบจะไม่มีการตัดทอนใด ๆ เลยในหนังสือบอกกล่าว
ก่อนอื่นก็ต้องเรียนถึงคำว่า “ปล้นเงียบ” มันเป็นคำอุปมาอุปไมย ที่ไม่ได้ก้าวล่วงไปพาดพิงถึงว่า คิง เพาเวอร์และทอท.หรือ AOT ไปร่วมกันทำมิดีมิร้ายอะไร
แต่ผลในทางเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็คือ การปรับแก้ไขสัญญานั้น ให้ผลลัพธ์ในทางเป็นคุณต่อ “คิง เพาเวอร์” และไม่เป็นคุณต่อ AOT คือ รายได้ผลประโยชน์ลดลง
อะไรก็ตามแต่ที่ทำให้ ผลประโยชน์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สูญหายหรือลดลงอย่าง AOT ย่อมถือเป็นภารกิจใหญ่หลวงของนสพ.ข่าวหุ้นธุรกิจ ที่ยึดมั่นถือมั่นในสโลแกน “กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน” ในการปกป้องส่วนได้ส่วนเสียของผู้ถือหุ้นมาโดยตลอด
หากข่าวหุ้นธุรกิจ ไม่ทำหน้าที่นี้สิ ก็อาจจะเรียกได้ว่า เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือมาตรา 157 แห่งธรรมนูญตลาดทุนได้
สัญญาเดิมเมื่อปี 2562 บอกให้ใช้เกณฑ์ส่วนแบ่งรายได้ร้อยละ 20 และ/หรือ การจ่ายค่าตอบแทนขั้นต่ำ (มินิมั่ม การันตี)ปีละ 1.54 หมื่นล้านบาท ส่วนไหนมากกว่ากัน ก็ยึดถือเอาตามเกณฑ์นั้น
นั่นก็คือ อย่างไรเสีย AOT ต้องมีรายได้ในส่วนพาณิชยกรรมแน่นอน ไม่ต่ำกว่า 1.54 หมื่นล้านบาท
AOT ยอมผ่อนปรนไม่ใช้เกณฑ์มินิมั่ม การันตีไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2565 เพราะผลกระทบโควิด ยังเป็นเรื่องที่พอทำใจได้ แต่หลังระยะผ่อนผันปี 65 ก็ยังมีการปรับแก้เกณฑ์ผ่อนผันกันไปอีก โดยเปลี่ยนมาใช้เกณฑ์ “จำนวนผู้โดยสารจริง” ในการคำนวณอัตราค่าตอบแทนขั้นต่ำ
AOT ก็ออกแถลงการณ์ชี้แจงแปลก ๆ ว่า ไม่ได้ยกเลิกเกณฑ์จ่ายค่าตอบแทนขั้นต่ำ แต่จะนำมาใช้เมื่อจำนวนผู้โดยสารเริ่มปรับตัวมากกว่าช่วงก่อนวิกฤต (ในระดับเดียวกับปี 2562)
จำนวนผู้โดยสารปี 2562 คือ 52 ล้านคน จะกลับมาปฏิบัติตามสัญญาเดิมได้ต้องมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 27% หรือ 66 ล้านคน ถามหน่อยเถอะว่า มันเป็นไปได้ไหมล่ะ!
ด้วยเหตุนี้ จึงมีโบรกเกอร์ทั้งไทยและเทศไม่น้อยกว่า 7-8 แห่ง ออกบทวิเคราะห์ต้องตรงกันว่า แม้สิ้นสุดสัญญากับคิง เพาเวอร์ในปี 2575 ก็ไม่มีทางจะได้กลับมาปฏิบัติตามสัญญาเดิมปี 2562 ได้
สื่อมวลชนอย่างข่าวหุ้นธุรกิจ ไม่มีสิทธิจะตั้งคำถามว่า มันเป็นการแก้ไขอันเป็นการเปลี่ยนแปลงทางบริบทใหม่ของสัญญาอันมีนัยสำคัญใช่หรือไม่
และถ้ามองในมิติของ “บริษัทภิบาล” ข่าวหุ้นธุรกิจมีสิทธิจะตั้งคำถามไหมว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะอาศัยอำนาจแค่มติบอร์ด AOT ไม่ต้องขออำนาจผู้ถือหุ้นก็ได้กระนั้นหรือ
ผู้บริหาร AOT ชอบออกมาขู่นักว่า สัญญาเชิงพาณิชย์ได้เปิดโอกาสให้คิง เพาเวอร์บอกเลิกสัญญาได้ ซึ่งจะก่อผลเสียให้แก่ AOT เพราะคงไม่มีเจ้าใหม่รายไหนมาให้ค่าตอบแทนได้สูงเท่ากลุ่มคิง เพาเวอร์
แต่ผมว่า การบอกเลิกสัญญาและเปิดประมูลใหม่ มันอาจจะดีกว่า วิธีการโมเมแก้สัญญาเช่นนี้นะ เพราะเข้าตามตรอก ออกทางประตู ไม่เป็นที่เคลือบแคลงครหา และคิง เพาเวอร์ก็มีเปอร์เซ็นต์สูงจะได้กลับมารับสัมปทาน ด้วยราคาโควิด ที่ต่ำกว่าราคาประมูลเดิมมากมาย
ก็บอกแล้ว คำว่า “ปล้นเงียบ” เป็นคำอุปมาอุปไมย แต่ผลเสียหายมันเกิดขึ้นจริงกับ AOT ซึ่งก็ยังเป็นรัฐวิสาหกิจสมบัติชาติอยู่นะ