แอกของซิสซีฟัสพลวัต2015

ทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจของรัฐบาลประยุทธ์ 2 มีภารกิจอันท้าทายอย่างยิ่งที่จะต้องขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายคือ ทำให้เศรษฐกิจไทยรอดพ้นจากสถานการณ์รุมล้อมทั่วโลก ซึ่งภารกิจนี้ มีคำถามว่าจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร


ทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจของรัฐบาลประยุทธ์ 2 มีภารกิจอันท้าทายอย่างยิ่งที่จะต้องขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายคือ ทำให้เศรษฐกิจไทยรอดพ้นจากสถานการณ์รุมล้อมทั่วโลก ซึ่งภารกิจนี้ มีคำถามว่าจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร

เหตุผลคือ หากต้องการให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเร็ว จะต้องนำเอามาตรการประชานิยมกลับมาใช้ในระดับที่มีนัยสำคัญ นอกเหนือจากการสร้างบรรยากาศใหม่ให้ภาคเอกชนสามารถมั่นใจในการลงทุนระลอกใหม่ได้

การเอามาตรการประชานิยม (ไม่ว่าจะเข้มข้นหรืออ่อนๆ) มาใช้ จะต้องเผชิญกับแรงเสียดทานจากกลุ่มพลังสารพัดที่รังเกียจคำว่า “ประชานิยม” อย่างรุนแรง ซึ่งทำให้เกิดอุปสรรคที่ถือได้ว่าภารกิจของทีมเศรษฐกิจรัฐบาลชุดนี้ที่นำโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะยากยิ่งกว่าภารกิจของซิสซีฟัสในตำนานกรีกเลยทีเดียว

ในตำนานปรัมปราของกรีกโบราณ เล่ากันว่า ซิสซีฟัสคือวีรบุรุษกรีกที่มีชื่อเสียงโด่งดังเพราะบทลงโทษ มากกว่าสิ่งที่เขากระทำ โดยเรื่องราวของเขาคือ เขาตายแล้ว และทำการหลอกลวงเทพแห่งความตาย ให้หลงเชื่อ โดยหว่านล้อมให้เชื่อว่าเขาต้องการขอเวลาจากมัจจุราช ขึ้นไปท่องเที่ยวพื้นพิภพอาทิตย์หนึ่งเพื่ออำลาญาติที่ยังไม่ได้บอกกล่าว  แต่กลับผิดคำสัญญา โดยทำการหลบหนีการตามล่าของทวยเทพ แล้วหลอกเทพนั้นไว้ด้วยโซ่

การหลบหนีของซิสซีฟัส ถูกสยบใต้คมดาบเทพสงครามมาร์ส  หลังจากนั้นเขาก็ถูกคำสาปให้แบกหินขึ้นยอดผา ทันทีที่ไปถึงยอด ก้อนหินกลิ้งกลับลงพื้นราบ เขาต้องไต่ขึ้นไต่ลงแบกก้อนหินเช่นนี้อยู่ชั่วนิรันดร

เรื่องราวของซิสซีฟัสดลใจอัลแบร์ กามูส์ นักเขียนรางวัลโนเบล ผู้สนใจช่วงเวลาที่วีรบุรุษกรีกมองหินกลิ้งลงเขา ความพยายาม ยากลำบากทั้งหลายสูญสิ้น เวลานั้นซิสซีฟัสจะรู้สึกอะไรอื่นได้ นอกจากความไร้สาระของชีวิต (หลังความตาย) ความไร้สาระนี้เองที่เป็นแก่นบทความขนาดยาว “มายาการแห่งซิสซีฟัส” ว่าด้วยการฆ่าตัวตาย และความไร้สาระของชีวิต

โจทย์ของทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่นำโดยนายสมคิด ไม่ใช่เรื่องไร้สาระอย่างแน่นอนเพราะแบกภาระแห่งความคาดหวังเอาไว้สูงมาก มากเสียจนคาดได้ล่วงหน้าเลยว่า หากทำได้เพียงแค่ 25% ของที่ผู้คนในสังคมไทยคาดหวัง ก็ถือว่าทำได้ดีมากเกินสมควรแล้ว

เหตุผลก็อย่างที่ทุกคนรับรู้และเข้าใจคือ ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยมีปัญหานับแต่การส่งออกติดลบต่อเนื่อง การเติบโตคาดว่าปีนี้จะต่ำกว่า 3% การลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน ประกอบกับผลกระทบจากสถานการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์เมื่อค่ำวันจันทร์ และท่าเรือสาทรเมื่อวันอังคาร กดดันให้สถานการณ์เลวร้ายลงในอัตราเร่ง

ผลกระทบของเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าวต่อกลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และเป็นหนึ่งในปัจจัยเศรษฐกิจเพียงไม่กี่ปัจจัยที่ยังขยายตัวได้ตั้งแต่ต้นปี การที่หลายประเทศออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวในการเดินทางมายังไทย รวมถึงการปรับลดค่าเงินหยวนของจีนในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสที่จะส่งผลลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง

สำหรับตลาดหุ้น สถานการณ์รุมล้อมทั้งหลายภายในและภายนอก ทำให้ทุกสำนักทั้งบริษัทหลักทรัพย์ และหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม พากันปรับลดประมาณการดัชนีหุ้นไทยปลายปีลงมาอยู่ในช่วง 1,400-1,450 จุด เนื่องจากมองว่า การแก้ปัญหาจากนี้ไป ทำไม่ได้ง่ายดายเลย ทั้งจากความขัดแย้งทางการเมือง และภาวะพังทลายของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลก อันเนื่องจากเศรษฐกิจย่ำแย่เกินคาดของจีน

ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้างมายาวนานโดยเฉพาะปัญหาเรื่องการกระจุกตัวของความมั่งคั่งในมือคนกลุ่มน้อย แต่มาตรการของรัฐบาลชุดนี้ที่ผ่านมา พยายามหลีกเลี่ยงที่จะแตะต้องปัญหาดังกล่าว และพยายามออกมาตรการปะผุทั้งหลายออกมา โดยอ้างว่า ต้องการหลบเลี่ยงจากการใช้มาตรการประชานิยมตามแบบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยอ้างว่ารัฐบาลไม่ได้ต้องการคะแนนเสียง  แต่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาได้ผลล่าช้า ทำให้เกิดปัญหาการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายขึ้นมา เพราะมุ่งแก้ปัญหาระยะยาวมากกว่าปัญหาระยะสั้น

 ภายใต้สถานการณ์นี้ ความจำเป็นต้องอัดฉีดมาตรการระยะสั้นที่มีประสิทธิผลด้วยนโยบายการคลังสารพัดรูปแบบ เป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ข้อกล่าวหาว่าเป็นมาตรการประชานิยม จะถูกงัดออกมาโจมตีทีมงานเศรษฐกิจอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งจะทำให้ทำงานอย่างยากลำบาก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการทำงานของทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดที่นำทีมโดยนายสมคิดนี้ จะยากลำบาก และอาจจะซ้ำรอยเดียวกันกับมาตรการของซิสซีฟัสอย่างแน่นอน คำถามก็คือว่า จะสามารถทำได้ดีกว่าซิสซีฟัสได้ดีมากน้อยแค่ไหน เป็นคำถามที่คนไทยทั้งหลายต้องการทราบคำตอบ และเช่นเดียวกัน ทีมงานชุดนี้ คงต้องพิสูจน์ตนเองเช่นเดียวกันว่า จะไม่ทำให้ผิดหวัง

เพราะหากทีมชุดนี้ล้มเหลว ก็จะมีคำถามตามมาว่า รัฐบาลจากการรัฐประหาร ล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพมากกว่าในการทำงาน ไม่ได้ดีกว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้ง

แอกของซิสซีฟัสที่ทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจแบกไว้คราวนี้ จึงค่อนข้างน่าเป็นห่วงไม่น้อย แต่สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยแล้ว หากทีมงานชุดนี้ล้มเหลว ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ว่าแนวรับแกร่งๆ ก็คงเป็นคำถามล่วงหน้าเหมือนกันว่า “ก้นเหวอยู่ที่ไหน”

Back to top button