แผ่วปลาย
*การเคลื่อนไหวของหุ้นหลายตัวเริ่มทำนักเล่นหลายรายรู้สึกอึดอัดใจอย่างแรงเมื่อพบว่าการทะยานขึ้นของหุ้นในพอร์ตไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ จากที่เคยคิดว่าจะดีกลับกลายเป็นการติดดอยเป็นแถว “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่แฟนคลับทุกคนรู้อยู่แล้วว่า กำลังจะเกิดอะไรขึ้น ! หากยังไม่หลงลืมเรื่องระเบียบวินัยในการลงทุน ต้องรีบถอยมาตั้งรับ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะได้ไม่ชีช้ำกระหล่ำปลีนะเจ้าคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*การเคลื่อนไหวของหุ้นหลายตัวเริ่มทำนักเล่นหลายรายรู้สึกอึดอัดใจอย่างแรงเมื่อพบว่าการทะยานขึ้นของหุ้นในพอร์ตไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ จากที่เคยคิดว่าจะดีกลับกลายเป็นการติดดอยเป็นแถว “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่แฟนคลับทุกคนรู้อยู่แล้วว่า กำลังจะเกิดอะไรขึ้น ! หากยังไม่หลงลืมเรื่องระเบียบวินัยในการลงทุน ต้องรีบถอยมาตั้งรับ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะได้ไม่ชีช้ำกระหล่ำปลีนะเจ้าคะ
*สาเหตุที่ทำให้คิดเช่นนั้น เห็นได้จากหุ้นใหญ่หลายตัวที่มีสตอรี่ด้านพื้นฐานเป็นแบ็กกราวด์ยังถูกสาดทิ้งออกมา มันทำให้รู้ว่าการลงทุนเที่ยวนี้ว่าด้วยเรื่องของ “อารมณ์” ดังนั้น เหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่คอยจะหยิบยกขึ้นมาพยุงหุ้นในเวลานี้จึงไม่มีความหมาย หุ้นหลายตัวที่พุ่งพรวดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยจึงเป็นหุ้นที่อันตรายมากที่สุด และหากวันนี้หุ้นจะไหลจากแดนบวกลงสู่แดนลบอย่างรวดเร็วถือเป็นเหตุการณ์ที่รู้กันอยู่แล้วนะพะยะค่ะ
*เนื่องจากแรงขายทำกำไรยังหนาสะท้อนให้นักเล่นได้รู้ว่า เมื่อเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นเหมือนกับสิ่งที่นักลงทุนคิด หุ้นก็จะถูกทิ้งออกมาทันที ฉะนั้นการที่ดัชนีดีดอย่างร้อนแรงระหว่างวัน ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,327.42 จุด ก่อนจะลงมาปิดที่ระดับ 1,315.99 จุด ลบไป 1.12 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.64 หมื่นล้านบาท เป็นการย้ำหัวหมุดถึงสิ่งที่เคยเกิดก่อนหน้านี้กำลังจะกลับมาอีกครั้ง ดังนั้นหุ้นถึงจะต้องติดอยู่ในวังวนเดิมอีกเจ้าค่ะ
*อย่างเช่นในรายของ CPF ทุกคนต่างเข้าใจถึงสตอรี่ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี และมองเห็นตัวเลขกำไรที่ค่อย ๆ เติบโตอยู่เบื้องหน้า แต่สเต็ปการขึ้นของหุ้นยังเป็นลักษณะขึ้นแล้วพัก ซึ่งเป็นจังหวะของการเข้าทำสั้น ๆ ล่าสุดหุ้นลงมาปิดที่ 33.50 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลบไป 0.74% ด้วยมูลค่า 1.07 พันล้านบาท “โมนิก้า” คิดว่ามันขึ้นอยู่กับนักเล่นล้วน ๆ ว่าตั้งธงเอาไว้จุดไหน เพราะการเคลื่อนไหวระยะที่ผ่านมามันเอื้อให้พวกหาค่าขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปวัน ๆ น่ะซิ !
*ส่วน STGT โดนทิ้งหนักลงมาอีกวัน ล่าสุดหุ้นลงมาปิดที่ 67.75 บาท ลบไป 7.25 บาท หรือลบไป 9.67% ด้วยมูลค่า 2.42 พันล้านบาท รูปแบบของหุ้นตัวนี้ค่อนข้างหวือหวา ทำให้นักเก็งกำไรหลาย ๆ คนเข้ามาเกาะติดแบบไม่ขาดสาย และเมื่อราคาหุ้นลงมาหนักเรื่องของ “โควิด-19” มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นแรงกดดันต่อการทะยานขึ้นอยู่เสมอ แต่ความจริงแล้วทุกคนต่างรู้ดีว่าออเดอร์ที่มีเข้ามายาวข้ามปียังทำให้หุ้นน่าสนใจอยู่เจ้าค่ะ
*ด้านหุ้น AAV ผงกหัวขึ้นมา 2 วันติด คราวนี้ “โมนิกา” มองว่าเป็นการตอบรับกระแสท่องเที่ยวในประเทศ ผนวกกับได้มาตรการต่าง ๆ จากรัฐเข้ามาซัพพอร์ต ถึงแม้จะยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนแต่ล่าสุดราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.96 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 2.62% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 132.85 บาท แถมยังต้องตามไปดูต่อว่าจะสามารถวิ่งฝ่าแนวต้าน 2.16 บาทไปได้หรือไม่
*ในรายของ INGRS วานนี้ราคาหุ้นทะยานขึ้นมาปิดซิลลิ่งที่ระดับ 0.44 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 12.82% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.95 ล้านบาท ถือเป็นการเด้งตัวขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด แต่ “โมนิก้า” มองว่าสัญญาณทางเทคนิคยังต้องผ่านปราการด่านสำคัญที่บริเวณ 0.50 บาท ที่ต้องอาศัยแรงซื้อช่วยกันฝ่าไปให้ได้ถึงจะไปต่อได้แบบยาว ๆ เจ้าค่ะ
*คล้ายกับกรณีของ ETC ก่อนหน้านี้เปิดตัวงดงาม แต่ชั่วข้ามคืนก็โดนรับน้องจนเสียศูนย์ ล่าสุดเริ่มกระเตื้องขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.14 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 0.94% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 749.58 ล้านบาท แต่เดี๊ยนยังมองไม่เห็นภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนนัก เพราะคงต้องลุ้นกันอีกยกว่าผลการดำเนินงานต่อจากนี้จะสมน้ำสมเนื้อพอจะเข็นราคาหุ้นไปให้ถึงราคาเป้าหมายแรกที่ราคาไอพีโอ 2.60 บาท ได้หรือเปล่าน่ะซี่
*มากันที่หุ้นแม่ลูก AI-AIE กอดคอทะยานแรง โดยเฉพาะตัวแม่ AI ราคาหุ้นพุ่งมาปิดที่ระดับ 1.70 บาท บวก 0.17 บาท หรือบวกไป 11.11% ด้วยมูลค่า 273.81 ล้านบาท ส่วนหุ้นลูก AIE วิ่งมาปิดที่ระดับ 0.62 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือ 6.90% ด้วยมูลค่า 38.23 ล้านบาท ปัจจัยหนุนหุ้นรอบนี้ “โมนิก้า” มองว่ามีทั้งเทคนิคขาขึ้น และพื้นฐานธุรกิจ เอาเป็นว่าใครที่ชื่นชอบหุ้นแม่ลูกคู่นี้ไปต่อกันได้ยาว ๆ เจ้าค่ะ
*ปิดท้ายที่หุ้นในกระแสอย่าง SPA หลังจากมีเรื่องร้อน ๆ ให้ต้องรีบออกมาแถลง และก็ถือว่าเป็นข่าวดีหลังจากที่ได้ชี้แจงกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าตอนนี้ได้กระทำการเจรจาสมานฉันท์กับผู้ให้เช่าเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนจีน แต่หากจะให้ดีกว่า “โมนิก้า” ว่าคราวหลังก็อย่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้คาราคาซังนาน ๆ เพราะประเด็นที่ออกมาเล่นทำเอาทั้งผู้ถือหุ้น และผู้ถือกรรมสิทธิ์เขาหายใจไม่ทั่วท้องเอาซะเลยยย…อิอิ