เล่นหุ้นกลาง เล็ก
สัปดาห์ก่อน ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกมาให้สัมภาษณ์
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
สัปดาห์ก่อน ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกมาให้สัมภาษณ์
ด้วยการบอกว่านักลงทุน
ในตลาดหุ้นไทยจะให้น้ำหนักปัจจัยต่างประเทศมากกว่าในประเทศ
จริง ๆ แล้วก็เป็นเช่นนั้น
แม้ว่าในประเทศจะเผชิญกับปัญหาการเมือง
ทว่า หากตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับขึ้น ของเราก็พร้อมขึ้นตามเช่นกัน
หรือหากตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่จะวิ่งขึ้น ของเราก็ขึ้นตามไปด้วยอีกเหมือนกัน
เว้นแต่หากนิวยอร์กลง แต่เอเชียขึ้น
ตลาดหุ้นของไทยก็เหมือนจะอิงกับนิวยอร์กมากกว่า ก็คือ มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะลงตาม
มีนักลงทุนถามเข้ามาว่า หากการเมืองเกิดความวุ่นวาย และตลาดหุ้นไทยจะลงหรือไม่
เรื่องนี้หากย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ในอดีต จะพบว่า หุ้นไทยไม่ได้ลงมากมายอะไร (แม้จะลงมาบ้าง) และในทางกลับกัน เรามักเห็นการไล่ซื้อหุ้นกลับ โดยเฉพาะตัวที่มีพื้นฐานดี
หรือที่มีปัจจัยบวกแบบเฉพาะตัว
อย่างในช่วงนี้ ก็จะเห็นว่า มีหุ้นหลายตัววิ่งบวกสวนภาวะตลาดขึ้นมากได้
หุ้นเหล่านั้นส่วนใหญ่จะมีโมเมนตัมเชิงบวก เช่น กำไรไตรมาส 2 ออกมาดี และแนวโน้มไตรมาส 3-4 ก็ยังจะออกมาดีเช่นกัน
และหากหุ้นเหล่านั้นราคายังถูก (PE ต่ำ, PEG ต่ำ)
ก็จะเห็นว่า จะมีการเข้ามาไล่ซื้อกันค่อนข้างมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น WICE HTC ICHI SINGER SYNEX และ THANI
WICE ผมแนะนำ (อ้างอิงตามบทวิเคราะห์โบรกฯ) มาตั้งแต่ราคาอยู่ที่ 3.00 บาท ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2563
ตอนนี้ผ่านมา 2 เดือน ราคาพุ่งจะทะลุ 5 บาทแล้ว
หรือราคาหุ้นขึ้นมาระหว่าง 60-65 % ล่าสุด นักวิเคราะห์ ยังปรับราคาเป้าหมายขึ้นมาอีก
SINGER เคยมีนักลงทุนเข้าไปซื้อช่วงราคา 13.50 บาท (ลงมาจาก 15.00) ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2563
นักลงทุนถามว่าจะขายตัดขาดทุนดีไหม
เลยบอกไปว่า หากกระสุนยังมีเหลือ ให้ซื้อถัวเฉลี่ย เพราะเดี๋ยวราคาก็วิ่งกลับ เพราะไตรมาส 3 และ 4 กำไรยังออกมาเติบโตระดับสูง
และราคาหุ้นยังไม่ถือว่าแพง
ในที่สุด ราคาก็วิ่งกลับมาได้จริง ๆ (3 ก.ย.ปิด 14.40 บาท)
หากมั่นใจว่าหุ้นในพอร์ตเราพื้นฐานดีจริง ๆ และราคาไม่แพง ต้องใจร่ม ๆ ไว้ก่อน (หากราคาถูกทุบลงมา)
หุ้นที่มีกำไร และราคาวิ่งสวนเศรษฐกิจและภาวะตลาดเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้น “ขนาดกลาง” และ “เล็ก”
ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ เช่น แบงก์ พลังงาน สื่อสาร ขนส่ง ท่องเที่ยว
หุ้นเหล่านี้ นักลงทุนจะเข้ามาเล่นเป็นรอบ ๆ ตามปัจจัยบวกที่เข้ามา หรืออาจเห็นว่าราคาหุ้นในกลุ่มนั้น ๆ ลงมามากเกินไป ก็จะเกิดการเข้ามาไล่ซื้อกลับ
แต่ก็จะเป็นช่วงสั้น ๆ
ส่วนกลุ่มแบงก์ ช่วงราคาลงมาค่อนข้างมาก
วันดีคืนดี มีวอลุ่มเข้ามา พร้อมกับไล่ซื้อกันสนุกสนาน ดันปิดบวกกันหลายเปอร์เซ็นต์
และพอวันถัดมา หรืออีกซัก 1-2 วัน จะเกิดการขายทำกำไร แล้วก็หายเข้ากลีบเมฆไปอีกครั้ง วนเวียนกันไปแบบนี้อยู่หลายรอบ
ยิ่งช่วงที่ผ่านมาและตอนนี้ ต่างชาติขายหุ้นไม่หยุด และส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่ม SET50
ทำให้หุ้นใหญ่ ๆ เหล่านี้ ถือนานไม่ได้ กลายเป็นต้องเล่นเก็งกำไร
เว้นแต่เป็นนักลงทุนระยะยาวจริง ๆ และทนต่อความผันผวนได้
เราก็จะเห็นคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ว่าให้ “ทยอยซื้อ” สะสมเข้าพอร์ตไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ
หุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ดูเหมือนจะค่อนข้างปลอดภัยในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนแบบนี้