หุ้นดี มีสตอรี่
ลงทุนช่วงเดือนก.ย. ยังโฟกัสไปยังหุ้นกลาง-เล็ก ที่เห็นโมเมนตัมการเติบโตของกำไรต่อเนื่อง และได้อานิสงส์จากการมีส่วนร่วมของนักลงทุน Retail ในระดับสูง
เส้นทางนักลงทุน
ตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนกันยายน มองปัจจัยกดดันเชิง Sentiment ล่าสุดได้แก่ประเด็นการให้สัมภาษณ์ของผู้จัดการตลท.ว่ายังคงแผนการใช้เกณฑ์ Uptick rule ให้สิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.นี้ อีกทั้งยังมีการเมืองที่ยังต้องติดตาม เนื่องจากจะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย. 2563 อีกด้วย
ส่วนปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกล่าสุดได้แก่ความกังวลของนักลงทุนต่อประเด็นความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ออกมาแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวต่อจีนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญหนึ่งที่ทำให้เงิน USD แข็งค่าขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงนี้ ส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงทั้งตลาดหุ้นและตลาดโภคภัณฑ์ ล่าสุดราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงอีกครั้ง มองเป็นปัจจัยกดดันกลุ่ม Oil & Gas ต่อไป
ทั้งนี้ ทำให้เกิดแรงเทขายของนักลงทุนสถาบันออกมาให้เห็นแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นผู้ซื้อสุทธิอย่างมาก ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศยังขายสุทธิต่อเนื่อง ดังนั้น ในเชิงกลยุทธ์ เพื่อเป็นการปลอดภัย ช่วงนี้ให้ Wait & See เนื่องจากกำลังรอให้ SET Index ปรับตัวลงมาใกล้กับบริเวณแนวรับประจำเดือนนี้ที่ 1,270 จุด ก่อนที่จะแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนรอบใหม่
อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนอยากลงทุนในช่วงเดือนกันยายนนี้ จะมีทางเลือกโดยยังคงโฟกัสการลงทุนไปยังหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่เห็นโมเมนตัมการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่อง และได้อานิสงส์จากการมีส่วนร่วมของนักลงทุน Retail ที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงเป็นหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบหากมาตรการ Uptick rule ถูกเลิกบังคับใช้ โดยหุ้นเด่นประจำเดือนนี้
ประกอบด้วยหุ้น JMT, CHAYO, SFLEX, PTL, BGC, UTP, PTG, STGT, ILINK, PRM, TKN และ TPCH
บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เป็นหุ้นที่มีจุดเด่นมีธุรกิจที่แข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ เพราะเมื่อเศรษฐกิจไม่ดีเป็นโอกาสซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่ม ได้อานิสงส์ในแง่การเติบโตของพอร์ตหนี้ที่มีคุณภาพ และจะกลับมาสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องในอนาคตเมื่อเศรษฐกิจดี โดยปัจจุบันมีพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพรวมประมาณ 189,156 ล้านบาท
นอกจากนี้ ทางนักวิเคราะห์มีการปรับกำไรปี 2563 ขึ้น 10% จากประมาณการก่อนหน้ามาอยู่ที่ 937 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 38% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) เพื่อสะท้อนการตัดต้นทุนหนี้ที่เร็วกว่าที่คาด และปรับกำไรปี 2564 ขึ้นราว 14% จากประมาณการก่อนหน้ามาอยู่ที่ 1,196 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 28% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) เพื่อสะท้อนเงินลงทุนซื้อหนี้ที่เพิ่มขึ้น และอาจมีการกลับสำรองประกัน COVID-19 ที่ขายในไตรมาส 1/2563 ที่ตั้งสำรองไว้สูงถึง 150% แต่สถานการณ์การระบาดในประเทศไม่รุนแรง ทำให้ Loss Ratio ที่เกิดขึ้นจริงอาจไม่สูง
บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO สำหรับในครึ่งปีหลังมองแนวโน้มธุรกิจโดยรวมจะกลับมาดีขึ้น เนื่องจากกรมบังคับคดีกลับมาเปิดให้บริการ ทำให้สามารถนำหลักประกันของ NPL ไปประมูลขายได้ แม้ว่าการประมูลขายอาจยังไม่กลับมาสู่ระดับปกติ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจมีผลกระทบกับภาคอสังหาฯ ด้วยบางส่วน อย่างไรก็ตามบริษัทอาจเร่งขาย NPA ซึ่งจะช่วยหนุนกระแสเงินสดและกำไรได้ สำหรับในด้านการประมูลซื้อหนี้คาดว่าจะเห็นโอกาสที่ดีในครึ่งปีหลัง ขณะที่สัดส่วน D/E ของบริษัทยังต่ำมากเพียง 0.6 เท่า จึงไม่มีความน่ากังวลด้านเงินทุน
บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX สำหรับปี 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% โดยกลยุทธ์การเติบโตมาจากการนำเงินระดมทุนเข้าจดทะเบียนใน SET นำมาสร้างโรงงานใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พร้อมกันนี้เตรียมปิดดีลใหญ่ภายในไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ และเน้นเจาะตลาดบรรจุภัณฑ์เกรดพรีเมียมในกลุ่มอาหารเพิ่มเติม ตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้ปัจจุบันจาก Non Food และ Food ในสัดส่วนเดิมปีที่แล้ว 80% และ 20% เป็น 70% และ 30% ในสิ้นปีนี้
บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL มีการคาดการณ์สำหรับไตรมาส 2 รอบปีบัญชี 63/64 (ก.ค.-ก.ย. 2563) คาดว่าความต้องการแผ่นฟิล์ม PET ชนิดบางในอุตสาหกรรมอาหารยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ Flexible Packaging แต่เป็นไปในทิศทางชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก เนื่องจากผู้บริโภคคลายความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ด้วยประสิทธิภาพการผลิตจะช่วยผลักดันให้บริษัทเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์แผ่นฟิล์ม PET ชนิดหนาที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ในช่วงที่ผ่านมาจะชะลอตัวลง แต่คาดว่าจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามสภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ PET ชนิดหนา ที่มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 25-30% ของรายได้รวมของบริษัทให้มีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น
บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC มีการประเมินว่าช่วงไตรมาส 3/2563 น่าจะเห็นยอดขายพลิกกลับมาเป็นบวกได้ชัดเจน จากที่ออเดอร์ลูกค้ากลับเข้ามามาก ทั้งลูกค้าในและต่างประเทศ จากการคลายล็อกดาวน์ทำให้มีการสั่งออเดอร์ผลิตขวดแก้วเข้ามามาก และใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมาที่ 84% และจะดีขึ้นต่อในช่วงไตรมาส 4/2563 ตามลำดับ
บริษัท ยูไนเต็ด เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UTP เนื่องจากแนวโน้มไปได้ดี บริษัทยังคงมีสเปรดแข็งแกร่ง และมีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น โดยขณะนี้อุปทานเศษกระดาษเพิ่มขึ้น เพราะนำเข้าได้แล้ว และคำสั่งซื้อจากลูกค้าจีนกลับมา คาดกำไรสุทธิปี 2563-2564 จะเติบโต 2% และ 5% ตามลำดับ
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG มีการคาดการณ์ต่อการเติบโตในครึ่งปีหลังของบริษัท โดยคาดผลประกอบการครึ่งปีหลังจะเติบโต 18% จากครึ่งปีแรกจาก 1)ปริมาณขายน้ำมันที่คาดเติบโต สำหรับปี 2563 คาดปริมาณขายโต 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มาที่ 4,974 ล้านลิตร 2)ค่าการตลาดน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 1.80-2 บาทต่อลิตร ซึ่งในบางวันอยู่ในระดับที่เกินกว่า 2 บาทต่อลิตร ในขณะที่ 3)ธุรกิจ Non-oil เริ่มมีทิศทางที่ฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน MaxMart และ Punthai ที่เริ่มกลับมาเติบโตในระดับก่อนการระบาด
บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT เชื่อว่าทางยอดขายยังเติบโตต่อเนื่อง จากประเด็นบริษัท แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษ ประกาศระงับการทดลองใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 หลังมีข้อสงสัยเรื่องผลข้างเคียงรุนแรง ส่งผลให้ความต้องการถุงมือยางยังคงอยู่ในระดับสูง
รวมถึงยังมีโอกาสที่ราคาถุงมือยางจะปรับตัวขึ้นได้อีกในปี 2564 ทำให้ประมาณการยังมี upside เนื่องจากคาดว่าบริษัทที่ร่วมพัฒนาวัคซีนทั่วโลกต้องกลับมาคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ทำให้การพัฒนาวัคซีนจะต้องกลับเข้าสู่กระบวนการปกติ ซึ่งต้องใช้เวลาทดลองวัคซีนเฟส 3 ประมาณ 1-2 ปี
บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เป็นบริษัทที่มีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องในอนาคตเพื่อจะตุน Backlog ขณะที่ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2563 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) เป็นงานของกลุ่มวิศวกรรม 1,385 ล้านบาท โดยคาดว่าในไตรมาส 3/2563 จะรับรู้รายได้จาก Backlog ดังกล่าวราว 400 ล้านบาท และไตรมาส 4/2563 รับรู้รายได้อีก 350 ล้านบาท และในปี 2564 รับรู้รายได้ส่วนที่เหลือ 635 ล้านบาท
บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM สำหรับการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2563 คาดจะเห็นกำไรที่สร้างสถิติใหม่ จาก 1)ธุรกิจขนส่งในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวหลังจากคลายล็อกดาวน์และการเดินทางที่กลับมาเป็นปกติทั้งทางบกและการบินในประเทศ โดยปัจจุบันการใช้เรือระดับ 90% โดยคาดรายได้จะเติบโต 7% จากครึ่งปีแรก 2)ธุรกิจ FSU ยังเติบโตจากการรับรู้ผลจากการปรับอัตราค่าบริการเต็มไตรมาส ซึ่งคาดรายได้ FSU ปี 2563 จะเติบโต 98% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมั่นใจต่อการเติบโตในอนาคต จากลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่ 6 ใน 8 ลำเป็นการจัดเก็บน้ำมันเตาสำหรับการใช้งาน ไม่ได้ผันผวนตามการเก็งกำไรราคาน้ำมันดิบ
3)คาดอัตรากำไรขั้นต้นยังมีแนวโน้มที่สูง โดยคาดสำหรับทั้งปีอยู่ที่ 39.7% เพิ่มขึ้นจาก 31.7% ในปี 2562 ตามการปรับอัตราค่าบริการ ต้นทุนพลังงานที่ยังอยู่ระดับต่ำกว่าปีที่แล้ว 4)บริษัทมีแผนเพิ่มเรือขนส่งในประเทศ 1 ลำในไตรมาส 4/2563 และเรือ FSU อีก 2 ลำ ซึ่งทั้ง 2 ลำมีลูกค้าจองที่จะใช้เรือแล้ว โดยคาดจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2563 โดยอยู่ระหว่างกระบวนการจัดหาเรือ
บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN มีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มกำไรน่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี 2563 ทั้งนี้จะมาจากการฟื้นตัวของรายได้ในประเทศเป็นหลัก ซึ่งผิดไปจากมุมมองเดิมที่คาดว่ารายได้ในประเทศจะฟื้นตัวช้ากว่าส่งออกไปจีน แม้นักท่องเที่ยวยังไม่กลับมา แต่บริษัทได้หันมาเน้นไปที่ลูกค้าคนไทยเป็นหลัก ทั้งการออกสินค้าใหม่กลุ่ม Non-Seaweed เช่น Kobuk หรือการทยอยปิดสาขา TKN Land 9 แห่ง ในครึ่งแรกของปี 2563 ปัจจุบันเหลืออยู่ 9 แห่ง และได้ปรับ Concept เป็นขาย Wellness Product ให้กับลูกค้าคนไทย รวมถึงอยู่ระหว่างทยอยปรับลดขนาดพื้นที่สาขาลง
ในขณะที่การส่งออกไปจีนในช่วงไตรมาส 3/2563 อาจจะทำได้เพียงทรงตัวจากไตรมาสก่อน และโตเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะเริ่มมี 2nd wave บางมณฑล และมีน้ำท่วมหลายเมืองด้วย และคาดรายได้ในจีนจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในไตรมาส 4/2563 ส่วนตลาด US ถือว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้น
บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH ด้วยฐานกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ใหญ่ขึ้นเป็น 74 เมกะวัตต์ ในภาพรวม คาดว่า TPCH จะมีกำไรที่โดดเด่นในไตรมาส 3/2563 ทั้งจากไตรมาสก่อนและจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยประเด็นผลผลิตไฟฟ้าเทียบกับประมาณการ
หุ้นข้างต้นถือว่าเป็นตัวเลือกสำหรับการลงทุนเพราะถือว่ายังมีสตอรี่