พาราสาวะถีอรชุน

 ยังคงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่องสำหรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับดอกเตอร์ปื๊ด โดยฝ่ายประชาธิปไตยต่างมองว่า นี่เป็นรัฐธรรมนูญฉบับเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพราะถือเป็นการซ่อนอำพรางวางกับดักอำนาจซ่อนเร้นไม่เป็นประชาธิปไตย ด้วยเหตุนี้แกนนำนปช.จึงเตรียมที่จะหารือเพื่อนำไปสู่การทำหนังสือชี้แจงประชาชนให้ช่วยกันคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในขั้นตอนการทำประชามติ

ในส่วนของการทำประชามติที่จะมีการขายพ่วงด้วย 2 คำถามจากสปช.และสนช.นั้น เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ซีกส่วนของสปช.ชัดมีแค่ 2 คำถาม ปฏิรูป 2 ปีก่อนเลือกตั้งกับเห็นด้วยกับการตั้งรัฐบาลปรองดองหรือไม่ ท้ายที่สุดก็เห็นแนวทางเมื่อ พีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 แบไต๋คำถามในส่วนของสนช.ก็จะเป็นเรื่องการตั้งรัฐบาลปรองดอง

ตอกย้ำความพยายามในการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารเข้าไปอีก ถ้าเช่นนั้นเรื่องการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ ก็ไม่ควรจะบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่คงเป็นการกันเหนียวหากประชามติไม่ผ่านขึ้นมา ยังมีช่องทางที่จะจัดการวางคนเข้าไปกุมบังเหียน กดหัวรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้

ฉายภาพต่อโดย อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย การใช้เวลาพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ 9 เดือน 18 วัน ประชุม 150 ครั้ง เมื่อพิจารณาจะเห็นว่า มีส่วนเสียมากกว่าได้ ทั้งเสียของ เสียเวลา เสียงบประมาณ เสียความรู้สึก จึงเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นฉบับกดหัวประชาชน เป็นระเบิดเวลาที่จะปลดชนวนได้อย่างเดียวคือการทำรัฐประหารเท่านั้น

ที่ช่วยขยายความได้เด่นชัดถึงข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญฉบับนี้คงเป็น จาตุรนต์ ฉายแสง ที่ชี้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้การเลือกตั้งไร้ความหมาย รัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะไม่สามารถบริหารประเทศตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอยู่ในสภาพอ่อนแอ ไม่มีเสถียรภาพและจะถูกล้มไปได้โดยง่าย

เป็นระบบที่ออกแบบไว้เพื่อเปิดทางและเอื้ออำนวยให้คนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเข้ากันได้กับกลไกของรัฐธรรมนูญนี้มากกว่า มีระบบการถอดถอนที่ทำลายหลักการของการตรวจสอบถ่วงดุล คือ ให้ส.ว. ที่มาจากการลากตั้งมีอำนาจถอดถอนทุกฝ่ายและให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมีอำนาจถอดถอนส.ส.ฝ่ายค้านได้ ถือเป็นเรื่องแปลกดีนะ

ไม่มีการแก้ไขปรับปรุงองค์กรตรวจสอบทั้งหลายจากการเลือกปฏิบัติและปราศจากการตรวจสอบถ่วงดุลโดยองค์กรอื่นหรือโดยประชาชนทั้งยังมีการเพิ่มเติมองค์กรลักษณะเดียวกันอีกจำนวนมาก เป็นการวางระบบการสืบทอดอำนาจของคสช.และกองทัพ โดยอาศัยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯควบคุมกำกับการทำงานของรัฐบาลและรัฐสภาต่อไปอีกยาวนาน

เปิดช่องให้มีการสร้างเงื่อนไขสำหรับการนำระบบเผด็จการเบ็ดเสร็จเต็มรูปแบบ เช่นเดียวกับการปกครองโดยคสช.มาใช้อย่างง่ายดายซึ่งก็คือ การทำรัฐประหารโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญนี้เมื่อประกาศใช้แล้ว ไม่อาจแก้ไขได้อีก ทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมมากยิ่งขึ้นโดยไม่มีทางออกตามกติกา เป็นการปิดประตูกระบวนการทางประชาธิปไตยอย่างถาวร

แน่นอนว่า ท่าทีของคณะกรรมาธิการยกร่างฯที่นำทีมโดย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ในช่วงที่เข้าสู่กระบวนการแก้ไขรายมาตรา ตามคำเสนอขอแก้ไขของฝ่ายต่างๆนั้น เป็นไปอย่างลับๆ ล่อๆ เมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาก ก็มักมีการชี้แจงว่า ที่วิจารณ์นั้นเกิดจากการไม่ทราบข้อเท็จจริงที่ยังไม่มีการเปิดเผย แต่เมื่อเปิดเผยออกมาแล้ว กลับพบว่าร่างนี้มีเนื้อหาที่เลวร้ายกว่าที่เคยมีการวิพากษ์วิจารณ์กันเสียอีก

นอกจากจะคงเนื้อหาที่เป็นปัญหาทั้งหลายไว้เป็นส่วนใหญ่แล้ว ยังมีการหมกเม็ดบางเรื่องไว้ด้วยการบัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาลและอีกหลายเรื่องกำหนดว่า จะไปบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูกที่จะยกร่างและผ่านความเห็นชอบโดยสนช. ซึ่งหมายความว่ายังอาจจะมีสิ่งที่เลวร้ายยิ่งไปกว่าอยู่ข้างหน้า

ก่อนที่เดอะอ๋อยจะสรุปตบท้ายว่า อ่านร่างรัฐธรรมนูญนี้แล้ว ยังไงก็ไม่อาจเปรียบเทียบกับนางงาม แต่เป็นอะไรที่อัปลักษณ์และอันตราย คนสมัยก่อนอาจนึกถึง “ซีอุย” ในขณะที่คนสมัยนี้ที่ชอบดูหนังซีรีส์ฝรั่งก็อาจนึกถึง “ฮันนิบาล” เสียมากกว่า หลายคนอาจสงสัยว่ารายหลังนั้นเป็นใคร ฮันนิบาล เล็กเตอร์ คือชื่อของฆาตกรอัจฉริยะที่รู้จักกันดีในหนังสือนิยายแนวอาชญากรรมของ โทมัส แฮร์ริส นักเขียนชาวอเมริกัน

ฮันนิบาลได้รับการขนานนามว่าเป็นอาชญากรที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลกภาพยนตร์ และด้านการศึกษาของตัวละครตัวนี้ก็เป็นถึงดอกเตอร์ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่าไม่ได้เป็นดอกเตอร์ด้านนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์เท่านั้น จุดเด่นของตัวละครตัวนี้คือหน้าตาดีแต่มีใจโหดเหี้ยมอำมหิต เลยไม่รู้ว่าเจตนาเปรียบเทียบของจาตุรนต์ต้องการจะสื่อไปในแนวนี้หรือเปล่า เริ่มต้นวาดภาพสวยงามแต่บทสรุปโคตรอัปลักษณ์

เหตุระเบิดราชประสงค์ไม่รู้ว่าเป็นไปในลักษณะมะงุมมะงาหราเหมือนที่มีใครบางคนประชดประชันการทำงานของตำรวจหรือเปล่า แต่หลายคนเห็นยุทธการ “ปิดเมือง ค้นรังโจร” ที่ พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เป็นประธานเปิดปฏิบัติการแล้ว ต่างส่ายหัวกันเป็นแถวมันคงเป็นผลในทางจิตวิทยาเท่านั้น การดำเนินกิจกรรมที่ทำอย่างจำกัดพื้นที่มีคำถามเรื่องความต่อเนื่องและไม่แน่ใจว่าจะมีผลในด้านไหน เพียงแค่ไหนและอย่างไรต่อตัวอาชญากร

ขณะที่ล่าสุดก็มีการจับกุมตัวแอนโทนี กวาน ฮก ชุน ช่างภาพหนุ่มชาวฮ่องกง ซึ่งทำงานให้กับ อินิเทียม มิเดีย กรุ๊ป ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยควบคุมตัวที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระหว่างเตรียมขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับฮ่องกง ในข้อหานำเสื้อเกราะและหมวกกันกระสุนเข้ามาในประเทศไทยเพื่อรายงานข่าวคืบหน้าเหตุการณ์วางระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา

ทำให้สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในประเทศไทยได้ระบุว่า แสดงความผิดหวังต่อการดำเนินการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ เพราะสื่อต่างชาติมองว่าโดยปกติแล้วการใช้เสื้อเกราะและหมวกเหล็กถือเป็นเครื่องป้องกันตัวที่นักข่าวทั่วโลกใช้กันเป็นประจำในเวลาต้องไปทำข่าวในสถานการณ์อันตราย ประเด็นนี้อย่างมองว่าไม่สำคัญ เพราะท้ายที่สุด มันจะวกกลับมาว่าตำรวจไทยไม่มีปัญญาจับคนร้ายเลยหันมาทำเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแทน