Driftwell เปลี่ยนความเครียดเป็นจุดขาย
เมื่อใดเกิดวิกฤติ..เมื่อนั่นจะมีโอกาสตามมาเสมอ..ดังเช่นวิกฤติไวรัสโควิด-19 ที่นำไปสู่การหายนะของเศรษฐกิจโลก ทำให้สังคมต้องเผชิญกับภาวะความตึงเครียดกับวิกฤติความมั่นคงทางด้านการงาน-การเงินและด้านสุขภาพ จากวิกฤติตรงนี้เอง ทำให้ “เป๊ปซี่โค” จึงหยิบฉวยวิกฤติความเครียดดังกล่าว มาเป็นโอกาสเปิดตัวแบรนด์เครื่องดื่ม “Driftwell” ที่มีจุดขายเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยผ่อนคลาย และทำให้นอนหลับสบายขึ้น
พลวัตปี 2020 : สุภชัย ปกป้อง
เมื่อใดเกิดวิกฤติ..เมื่อนั่นจะมีโอกาสตามมาเสมอ..ดังเช่นวิกฤติไวรัสโควิด-19 ที่นำไปสู่การหายนะของเศรษฐกิจโลก ทำให้สังคมต้องเผชิญกับภาวะความตึงเครียดกับวิกฤติความมั่นคงทางด้านการงาน-การเงินและด้านสุขภาพ จากวิกฤติตรงนี้เอง ทำให้ “เป๊ปซี่โค” จึงหยิบฉวยวิกฤติความเครียดดังกล่าว มาเป็นโอกาสเปิดตัวแบรนด์เครื่องดื่ม “Driftwell” ที่มีจุดขายเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยผ่อนคลาย และทำให้นอนหลับสบายขึ้น
โดยที่มาของ Driftwell เกิดจากเมื่อปีที่แล้วองค์กรเป๊ปซี่โค มีการจัดแข่งขันไอเดียภายในองค์กร ด้วยการเปิดให้พนักงานส่งไอเดียการพัฒนาผลิตภัณฑ์เข้ามาประกวด ผลปรากฏว่า ไอเดียของพนักงานทีมหนึ่ง เสนอเครื่องดื่มช่วยลดความเครียดและผ่อนคลาย จนสามารถชนะการแข่งขัน จากนั้น “เป๊ปซี่โค” นำไอเดียดังกล่าว มาต่อยอดสู่การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์จริง
สอดคล้องกับยุทธศาสตร์เป๊ปซี่โค ที่ต้องการรุกตลาด Functional Food & Drink มากขึ้น เนื่องจากทิศทางของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ตามความต้องการของผู้บริโภคกำลังมุ่งก้าวเข้าสู่ทางนี้มากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์ด้านสุขภาพและความงามดังกล่าว
เครื่องดื่ม Driftwell ของเป๊ปซี่ ถูกบรรจุกระป๋องขนาด 7.5 ออนซ์ ผ่านรสชาติ Blackberry Lavender มีส่วนผสมของสาร L-theanine ปริมาณ 200 มิลลิกรัม (กรดอะมิโนในชาเขียว) มีสรรพคุณช่วยลดความเครียด คลายความกังวล สร้างความผ่อนคลาย จึงเหมาะสำหรับดื่มก่อนเข้านอนเพื่อให้หลับง่ายขึ้นนั่นเอง
Emily Silver รองประธานฝ่ายนวัตกรรมเป๊ปซี่ (อเมริกาเหนือ) ระบุว่า ที่ผ่านมา บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์มากมาย แต่สำหรับ Driftwell เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดเร็วสุด โดยบรรจุภัณฑ์กระป๋องขนาด 7.5 ออนซ์ เป๊ปซี่โค มองว่าเป็นปริมาณที่พอดีกับการดื่มก่อนนอน โดยผู้บริโภคไม่ต้องลุกเข้าห้องน้ำกลางดึก มีกำหนดเริ่มวางจำหน่ายทั่วสหรัฐอเมริกา ช่วงเดือนธันวาคมนี้ผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซก่อน จากนั้นขยายสู่ช่องทางร้านค้าปลีกช่วงไตรมาส 1/64
ปรากฏการณ์ของ “เป๊ปซี่โค” ก่อนหน้านี้มีการลงทุนรุกเข้าสู่กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และความงามอย่างชัดเจน ด้วยการใช้วิธีทางลัด เข้าสู่ตลาดนี้เร็วขึ้น นั่นคือ การเข้าซื้อกิจการ เริ่มจากปี 2016 เข้าซื้อกิจการ “KeVita” ผู้ผลิตเครื่องดื่ม Probiotic และ Kombucha ต่อมาช่วงปี 2018 เข้าซื้อกิจการ “Health Warrior” ที่ทำผลิตภัณฑ์โภชนาการจากพืช (Plant-base Nutrition) เช่น ธัญพืชอัดแท่ง รวมถึงแบรนด์ใหญ่ในเครือเป๊ปซี่โค ส่วน “Gatorade” จากที่ทำตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ มานานได้ขยายโปรดักส์ไลน์ เช่น เวย์โปรตีน
รายงานของ Euromonitor International ระบุว่า ตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในสหรัฐอเมริกา ช่วงปี 2019 มีมูลค่ากว่า 2,970 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณกว่า 9.27 หมื่นล้านบาท) โดยประเมินว่าปี 2020 จะมียอดขายเติบโตประมาณ 5% จากความนิยมเครื่องดื่มที่ช่วยผ่อนคลายเพิ่มขึ้น หลังเกิดภาวะวิกฤตโควิด-19 อย่างหนักในสหรัฐอเมริกา จนกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และกลายเป็นต้นเหตุทำให้เกิดความเครียดมากขึ้น
ส่วนตลาดเครื่องดื่มลูกผสม (ไฮบริด) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการเครื่องดื่มที่ดื่มแล้วสดชื่น บนเงื่อนไขเพื่อต่อสุขภาพด้วย โดย “โคคา-โคล่า” คู่แข่งตลอดกาลของเป๊ปซี่ เตรียมวางจำหน่าย Coca-Cola With Coffee (โค้กผสมกาแฟ) เพื่อเจาะตลาดสหรัฐอเมริกาช่วงปี 2021
นี่คือตัวอย่างองค์กรระดับโลก..ที่ไม่ยอมปล่อยให้วิกฤติผ่านไปเฉย ๆ แต่รู้จักหยิบฉวยวิกฤติมาสร้างโอกาสและต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว..!!