ม็อบสันติรัฐหน้าแหก
ม็อบใหญ่ #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร จบลงอย่างสันติ แต่บรรลุเป้าหมาย มีวิธีสร้างเซอร์ไพรส์อย่างพลิกล็อก แสบสันต์ ซึ่งถ้าไม่ใช่คนรุ่นใหม่คงคิดอย่างนี้ไม่ได้
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
ม็อบใหญ่ #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร จบลงอย่างสันติ แต่บรรลุเป้าหมาย มีวิธีสร้างเซอร์ไพรส์อย่างพลิกล็อก แสบสันต์ ซึ่งถ้าไม่ใช่คนรุ่นใหม่คงคิดอย่างนี้ไม่ได้
รัฐบาลสร้างสถานการณ์ตึงเครียด ระดมกำลังตำรวจมากมายมหาศาล ตั้งแผงเหล็ก เอารถเมล์ขวาง วางบังเกอร์รั้วลวดหนาม สกัดกั้นไม่ให้ม็อบเดินขบวนไปทำเนียบรัฐบาล ทำให้สังคมหวาดหวั่นว่าจะเกิดการปะทะ ทั้งหมดนั้นเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะแม้ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะห้ามม็อบเข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาล 50 เมตร แต่ก็มีโทษเพียงจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้วยความผิดแค่นี้ ถ้าม็อบเดินขบวนไปจริง ตำรวจจะสั่งตะลุมบอน สลายม็อบ ใช้รถฉีดน้ำ ใช้แก๊สน้ำตา ใช้โล่กระบอง ฯลฯ ถามว่ามีเหตุผลเพียงพอหรือ
ถ้าทำจริง รัฐบาลนั่นแหละจะถูกประณาม ว่าทำร้ายประชาชนเพียงเพราะจะเดินขบวนไปยื่นหนังสือ แล้วสลายตัว ไม่ได้จะยึดทำเนียบแบบม็อบมีเส้น
แต่มาตรการขี่ช้างข่มขู่ใช้ความรุนแรงก็กลายเป็นชกลม บังเกอร์กลายเป็นรอเก้อ เมื่อแกนนำม็อบพลิกล็อกเฉียบคม สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการปักหมุดคณะราษฎรที่ 2 กลางสนามหลวง แล้วพลิกทิศเคลื่อนไปยื่นข้อเรียกร้องต่อประธานองคมนตรี ผ่าน ผบช.น.ที่แนวสกัดของตำรวจ
พลิกล็อก เฉียบคม ไม่รู้จงใจหลอกตั้งแต่ต้นหรือเปล่า แต่พวกที่กล่าวหาว่าม็อบจะสร้างความรุนแรง หน้าแหกกันไปเป็นแถบ ๆ
ลองกลับไปอ่านแก้วสรร อติโพธิ หาว่าม็อบสงบแต่ปาก เป็นมวลชนแห่งการจงเกลียดจงชัง ก้าวร้าวราวกับเรดการ์ด ไม่มีความสามารถความรับผิดชอบในการนำ ไว้วางใจไม่ได้ ลับ ๆ ล่อ ๆ มีเบื้องหลัง ฯลฯ
ตรงกันข้ามเลย แกนนำได้แสดงวุฒิภาวะ มีความรับผิดชอบต่อมวลชน ไม่พามวลชนไปเสี่ยงปะทะ ทั้งที่หากเกิดการปะทะ ก็ชี้หน้ารัฐบาลได้ว่าสั่งตำรวจทำเกินกว่าเหตุ
ขณะที่หากจะมีการเอาผิดตามกฎหมาย แกนนำก็รับผิดชอบเอง เช่นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุม การยึดธรรมศาสตร์ หรือปักหมุดสนามหลวง
ซึ่งจะต้องต่อสู้กันในสาระของกฎหมาย ว่าอย่างมาก กทม.ก็เอาผิดได้เพียงทำให้เสียทรัพย์ เพราะเจาะพื้นปูนปักหมุด จะอ้างความผิดฐานบุกรุกทำลายโบราณสถาน จำคุกสิบปีปรับหนึ่งล้านบาทไม่ได้ เพราะความผิดเช่นนั้นใช้กรณีที่ถือค้อนบุกเข้าไปทุบเศียรพระวัดมหาธาตุ ไม่ใช่พื้นปูนที่ กทม.เพิ่งเทราดได้ปีสองปีนี่เอง
ชาวเน็ตยังเย้ยหยันว่าจะเอาผิดฐานหลอกลวงเจ้าหน้าที่รัฐหรือเปล่า ทำให้ตำรวจต้องไปตั้งบังเกอร์รื้อบังเกอร์กันจ้าละหวั่น
ฝ่ายตรงข้ามอาจเย้ยหยัน รวมคนเป็นแสน ทำได้แค่นี้? อะไรคือแค่นี้ นี่คือการแสดงพลัง “ให้มันจบที่รุ่นเรา” ซึ่งไม่จำเป็นต้องแตกหักฉับพลัน เพราะไม่ใช่ “ม็อบมีเส้น” ปูทางรัฐประหาร ม็อบแต่ละครั้งคือการปลุกพลัง ไปสู่การต่อสู้ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจ ความตกต่ำของรัฐบาล การขัดขวางไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญของ 250 ส.ว.
ถ้าผู้มีอำนาจไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้อง ไม่ปรับไม่เปลี่ยน ไม่ว่าข้อเรียกร้องขั้นต่ำหรือ “ติดเพดาน” ก็จะทำให้ความขัดแย้งยิ่งปะทุขึ้น แม้ระหว่างนี้ รัฐคงมุ่งเล่นงานดำเนินคดีแกนนำ แต่ก็ทำอะไรได้ไม่มาก เพราะหนึ่ง ถ้ายิ่งจับกุมคุมขังยิ่งสร้างความโกรธแค้น สอง ธรรมชาติของม็อบคือไร้แกนนำ แม้ท่ามกลางการต่อสู้ แกนนำบางคนโดดเด่นขึ้นมาเป็นที่ยอมรับ แต่หากจับแกนนำเหล่านี้ไป ใครนัดชุมนุม ม็อบก็มา
พูดด้านกลับคือรัฐบาลนั่นแหละทำอะไรก็ลำบาก ใช้ไม้แข็ง ใช้อำนาจเกินเหตุ ก็ยิ่งปลุกความเกลียดชัง การบริหารประเทศก็จะล้มเหลว แค่อยู่เฉย ๆ ก็มีแผลโผล่มาทุกวัน ทำได้แค่ตั้งรับและถูกกระหน่ำ ในสถานการณ์ที่แย่ลง ๆ