WICE ที่ราคาสูงสุดรอบ 1 ปีครึ่ง

สถานการณ์ต่างประเทศที่ตลาดหุ้นทั่วโลกทยอยปรับตัวเป็นขาลงแบบไซด์เวย์ซึมยาว ในลักษณะ พักฐานเก็งกำไร หรือปรับฐานเพื่อหาอนาคตที่เหมาะสมของราคาใหม่ มีส่วนทำให้เกิดแรงกดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีลักษณะขาลงตามไปด้วย


พลวัตปี 2020 : วิษณุ โชลิตกุล

สถานการณ์ต่างประเทศที่ตลาดหุ้นทั่วโลกทยอยปรับตัวเป็นขาลงแบบไซด์เวย์ซึมยาว ในลักษณะ พักฐานเก็งกำไร หรือปรับฐานเพื่อหาอนาคตที่เหมาะสมของราคาใหม่ มีส่วนทำให้เกิดแรงกดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีลักษณะขาลงตามไปด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลการประชุมสภาเมื่อวานนี้ที่ส่อเค้าว่าจะเร่งสถานการณ์ให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองมากขึ้นในลักษณะบานปลายแบบน้ำผึ้งหยดเดียว

การที่แนวรับของดัชนีถูกบังคับให้ถอยร่นต่ำลงเรื่อยจากแรงขายหุ้นใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารและพลังงาน ยิ่งส่งผลให้ตลาดรวมย่ำแย่วานนี้  ขณะที่ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE กลับทำนิวไฮของปีนี้ที่เหนือ 5.20 บาท และทำนิวไฮในรอบ 1 ปีครึ่ง

ราคาที่ขึ้นมาจากต้นปีนี้ ที่ต่ำกว่า 1.40 บาท มาถึงระดับล่าสุด แม้จะมีพักเป็นบางครั้งของหุ้นโลจิสติกส์ที่มีฐานธุรกรรมข้ามประเทศคือ ไทย สิงคโปร์ และจีน (รวมฮ่องกง) สะท้อนจากพื้นฐานและอนาคตอันสวยงามของบริษัทเจ้าของหุ้น ที่เดินหน้าตามยุทธศาสตร์การเติบโตทางลัดด้วยตลาดทุน และการควบรวมกิจการอันชาญฉลาดในบางช่วง โดยที่ยอมรับแรงล้านบาทเศษ เป็น 1,700 ล้านบาทเศษ และมาร์เก็ตแคป จากเมื่อ 5 ปีก่อนที่ 2,346 ล้านบาท เป็นล่าสุดที่ 3,307 ล้านบาทเศษ

เรียกว่าเติบโตเกิน 50% ทั้งสินทรัพย์และมาร์เก็ตแคป แม้ว่าผลของการเติบโตจะกระทบการความจำเป็นต้องเพิ่มทุนหลายครั้ง (ทั้งเพิ่มเพื่อเอาหุ้นไปแลกกับบริษัทเป้าหมาย และเพื่อรักษาสัดส่วนทางการเงินไม่ให้เสียหาย จะยังผลให้มูลค่าทางบัญชี หรือ บุ๊กแวลูของบริษัทย่ำแย่ลงจนกดดันให้ราคายากไปไหนได้ไกล แม้ว่าความสามารถในการสร้างกำไรให้กิจการจะยังคงสวยงาม ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร (ยกเว้นปีที่ผ่านมา)

อัตรากำไรสุทธิของ WICE ที่เคยอยู่เหนือ 5% ที่ถูกรบกวนจากการเพิ่มทุนในธุรกรรม M&A เพื่อโตทางลัดกลายเป็นตัวแปรสำคัญชี้วัดราคาหุ้นตัวนี้เสมอมา ปีนี้ยิ่งมีความชัดเจนยิ่งขึ้นเพราะอัตรากำไรสุทธิที่กลับสู่ภาวะปกติเกิน 5% คือตัวการสำคัญที่ดันราคาหุ้นให้พุ่งขึ้นต่อเนื่อง

ราคาหุ้นที่ขึ้นสวนทางตลาดส่วนหนึ่งเกิดจากผลประกอบการ อีกส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะนักลงทุนมองหาหุ้นที่ “เอาชนะตลาด ได้ ทำให้ค่าพี/อี ของ WICE ไม่ดูเกินหรือเหนือจริง

ยามนี้ เสียงเชียร์ในรูปฉันทามติของนักวิเคราะห์จึงเข้าข่าย หมูไม่กลัวน้ำร้อน ในทิศทางเดียวกัน

ไม่น่าประหลาดใจแม้แต่น้อย หากคิดถึงมุมมองนักวิเคราะห์ไทยที่มาจากสำนักคิดคล้ายคลึงกัน

ส่วนหนึ่งของมุมมอง บอกว่าหุ้นตัวนี้ กำลังเทิร์นอะราวด์ จากการที่เล็งผลดำเนินงานในครึ่งหลังปีนี้โตดีต่อเนื่องหลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจขนส่ง ซึ่งหลังคลายล็อกดาวน์มาตรการสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในตลาดทั่วเอเชีย ทำให้การขนส่งสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีมากขึ้น ผ่านทางการขนส่งทางอากาศ (Air Freight) และธุรกิจขนส่งข้ามพรมแดนก็ได้ความนิยม

โดยปีนี้ธุรกิจอย่างหลัง คาดว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้

ส่วนธุรกิจขนส่งทางทะเล กำลังเริ่มดีขึ้น จากการขนส่งชิ้นส่วนยานยนต์หลังจากที่อุตสาหกรรมรถยนต์ได้กลับมาผลิต อีกทั้งยังมีการเปิดให้บริการขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มตู้ด้วยซึ่งให้มาร์จิ้นที่ดี

เกือบทุกสำนักวิเคราะห์เชื่อและยอมรับว่าตัวเลขคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2563 ไว้ที่ 137-184 ล้านบาทเติบโต 121-196% จากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 2562 ล้านบาท มีความสมเหตุสมผล

ราคาเป้าหมายที่ให้สูงสุดอยู่ที่ระดับ 6.60-7.05 บาท จึงยั่วใจนักลงทุนมิใช่น้อย จากราคาล่าสุดเหนือ 5.20 บาทเล็กน้อย

หากพิจารณาเฉพาะตลาดไทย มุมมองเชิงบวกที่เกิดสัญญาณตัวเลขส่งออกไทยเดือน ก.ค. จากกระทรวงพาณิชย์ กำลังสะท้อนไปในทางเดียวกับผู้บริหารว่าทิศทางในครึ่งปีหลัง จะสดใสมากขึ้น โดย 2 สินค้าหลัก ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยังดีต่อเนื่อง ชิ้นส่วนยานยนต์ฟื้นชัดเจน ดังนั้น ธุรกิจ Air Freight ยังคงเป็นดาวเด่นต่อไป ส่วนธุรกิจ Sea Freight ฟื้นตัวแล้ว ขณะที่ EUROASIA TOTAL LOGISTICS CO., LTD. (ETL) ซึ่งเป็นบริษัทในร่มเงา จะเร่งกำไรให้อีกต่อหนึ่ง

บทวิเคราะห์ บล. เอเซีย พลัส ระบุว่า WICE มีโอกาสเพิ่มเป้ารายได้ปี 2563 ขึ้นจากเป้าเดิมที่ 2.7 พันล้านบาท เนื่องจากสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวระดับสูง หนุนบริการ Cross Border โดยทิศทางในครึ่งปีหลัง การขนส่งสินค้าข้ามแดนเติบโตสูง ปริมาณการค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เดือน ก.ค. 2563 มีสัญญาณบวกต่อเนื่อง 9.1%% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จากเดือนมิ.ย.ที่เติบโต 4.6% เมื่อเทียบเดือนก่อน

เชียร์กันขนาดนี้ จะบอกว่าราคาเกินเลยคงจะยากพอสมควร

เอาเป็นว่าลางเนื้อชอบลางยาก็แล้วกัน เพราะในรอบ 6 เดือนมานี้ ราคาหุ้นวิ่งเกินเพดานมามากกว่า 300% แล้ว ต้องระวังการขายทำกำไรบ้างละกัน

Back to top button