พาราสาวะถี

วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายในการทำงานของบรรดาข้าราชการที่จะเกษียณอายุ ที่ถูกจับตามองมาโดยตลอดคงเป็นในส่วนของ พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงในช่วงปลายอายุราชการ ถูกตั้งคำถามว่าจะเกิดการรัฐประหารขึ้นมาอีกหรือไม่ สุดท้าย วันวานมีการส่งมอบหน้าที่จากบิ๊กแดงให้กับ “บิ๊กบี้” พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.คนใหม่ ซึ่งเจ้าตัวประกาศทันทีว่าจะสานต่อทุกภารกิจที่ผู้นำกองทัพบกคนเก่าได้ทำไว้ โดยเฉพาะการค้ำจุนชาติ ราชบัลลังก์


อรชุน

วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายในการทำงานของบรรดาข้าราชการที่จะเกษียณอายุ ที่ถูกจับตามองมาโดยตลอดคงเป็นในส่วนของ พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงในช่วงปลายอายุราชการ ถูกตั้งคำถามว่าจะเกิดการรัฐประหารขึ้นมาอีกหรือไม่ สุดท้าย วันวานมีการส่งมอบหน้าที่จากบิ๊กแดงให้กับ “บิ๊กบี้” พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.คนใหม่ ซึ่งเจ้าตัวประกาศทันทีว่าจะสานต่อทุกภารกิจที่ผู้นำกองทัพบกคนเก่าได้ทำไว้ โดยเฉพาะการค้ำจุนชาติ ราชบัลลังก์

อย่างไรก็ตาม บิ๊กบี้ยังไม่ได้ประกาศแนวทางในการทำงานอย่างชัดเจน โดยต้องไปติดตามหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกในวันที่ 6 ตุลาคมนี้ ทั้งนี้ ผบ.ทบ.คนใหม่ตอบคำถามนักข่าวในวันรับมอบตำแหน่งเพียงสั้น ๆ ว่า “เรียบร้อยดี” พร้อมยกนิ้วโป้งให้กับสื่อ ถือเป็นเรื่องปกติ ตามมารยาท เมื่อยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก็ต้องสงวนท่าทีกันไว้จนกว่าจะเข้ามาบัญชาการอย่างเต็มตัว ตรงนี้แหละที่จะเป็นตัวชี้วัดท่าทีของผู้นำกองทัพบกและท่าทีของกองทัพโดยเฉพาะกับเรื่องทางการเมือง

ทั้งนี้ มีเรื่องร้อนที่อาจจะรอให้ผบ.ทบ.คนใหม่มาสั่งการคือ กรณีที่แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พากันไปทาสีบริเวณป้ายหน้ากองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์หรือม.พัน 4 พล.1 รอ. ซึ่งอยู่ตรงข้ามอาคารรัฐสภา เนื่องจากไม่พอใจที่ไปยื่นทวงถามความคืบหน้าต่อการดำเนินการพลทหารนอกเครื่องแบบที่เข้าล็อกคอผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา แต่ว่าไม่มีใครออกมาชี้แจง เรื่องนี้ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามผู้ชุมนุมย่อมต้องการเห็นการเอาผิดตามกฎหมายอย่างเต็มที่

ปรากฏเป็นข่าวเรียกร้องพร้อมขู่ผู้บัญชาการม.พัน 4 พล.1 รอ.ด้วยว่าหากไม่แจ้งความดำเนินคดีใด ๆ จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั่นก็คือ ศรีสุวรรณ จรรยา ซึ่งอยู่ที่ว่าทางฝ่ายผู้เสียหายจะมองในมุมไหน แต่ก็น่าสนใจหากดูจากการให้สัมภาษณ์ของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่อกรณีนี้ว่า การทาสีดังกล่าวก็ไม่ได้ทำให้เสียหายอะไร พร้อม ๆ กับการแสดงท่าทีที่เป็นมิตรด้วยการชักชวนให้กลุ่มเคลื่อนไหวมาคุยกัน มาพูดกันให้รู้เรื่องจะดีกว่า

หากฝ่ายสืบทอดอำนาจเดินบทอย่างนี้ต่อไปต่อเนื่อง ในขณะที่ฝ่ายเคลื่อนไหวยังแสดงท่าทีที่ก้าวร้าว รุนแรง เพราะไม่เพียงแต่การทาสีตรงนี้เท่านั้น แกนนำยังได้ใช้วาจาที่หยาบคายไปพาดพิงถึง ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะประธานรัฐสภาด้วย หากขับเคลื่อนกันด้วยท่วงทำนองเช่นนี้ คนที่เป็นกองเชียร์ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า มวลชนที่เคยหนาแน่นมันจะลดน้อยถอยลง เพราะดูเหมือนว่าคนที่เป็นตัวชูโรงจะเน้นเอาความสะใจมากกว่าเนื้อหาสาระที่เป็นแก่นแกนของการเคลื่อนไหว

อย่างที่บอกมาโดยตลอด ถ้าขบวนการคนหนุ่มสาวเกินเลยจาก 3 ข้อเรียกร้องหลัก 2 จุดยืนและ 1 ความฝันแล้ว โอกาสที่จะเพลี่ยงพล้ำและหนทางที่จะเดินไปสู่ความสำเร็จนั้นคงเป็นไปได้ยาก วันนี้ หากแข็งขันและจริงจังในข้อเรียกร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ไปยุ่งกับเรื่องอื่น เชื่อได้เลยว่า จะเกิดเป็นพลัง สร้างแรงบีบคั้นแรงกดดันมหาศาลต่อฝ่ายที่กำลังพิจารณาอยู่เวลานี้คือพรรคร่วมรัฐบาลและส.ว.ลากตั้ง รวมไปถึงผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจด้วย

ถ้ายังคงเดินเกมกันด้วยความสะใจ จะด้วยได้ของดีคอยคุ้มครองหรืออย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดสิ่งที่ได้จุดประกาย สร้างความหวังให้กับคนที่ไม่นิยมเผด็จการ อยากเห็นการล้มล้างทุกกลไกของขบวนการสืบทอดอำนาจมันก็จะมลายหายไปในพริบตาด้วยเช่นเดียวกัน อย่าลืมเป็นอันขาดว่าม็อบที่เรียกร้องประชาธิปไตยนั้น หากหวังชัยชนะจะต้องมีแนวร่วมเรือนแสนถึงจะสร้างแรงกระเพื่อมให้ฝ่ายที่ไม่ยอมคืนอำนาจให้ประชาชนสยบยอมได้

อย่าไปเปรียบเทียบกับม็อบมีเส้นหรือพวกจัดตั้งที่ล้มรัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตย มวลมหาประชาชนที่กล่าวอ้าง ต่างก็รู้กันดีว่ามากันด้วยเหตุใด และปลายทางของคนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้อยู่ที่การทำให้ประเทศชาติเป็นประชาธิปไตย แต่เป็นเรื่องของการเปิดทางเพื่อให้เกิดการรัฐประหารของคณะเผด็จการเท่านั้น อย่างที่รับรู้กัน ม็อบเรียกร้องประชาธิปไตยจะจบลงด้วยการบาดเจ็บ ล้มตายทุกครั้ง ส่วนม็อบเรียกเผด็จการไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น จึงถือเป็นการบ้านที่ท้าทายคนรุ่นใหม่ทำอย่างไรเรียกร้องแล้วไม่ให้สูญเสียและกำชัยชนะ

แสดงอารมณ์โกรธและทิ้งโพเดียมแถลงข่าวทันทีสำหรับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ หลังจากถูกผู้สื่อข่าวถามเรื่อง 2ป.สั่งให้ปลัดฉ.ไปตั้งพรรคการเมืองสำรอง ยิ่งโมโหหนักเข้าไปอีกเมื่อย้อนถามนักข่าวว่าป.ไหน ได้รับคำตอบว่าป.ประยุทธ์กับป.ป๊อก แต่สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นความจริงจากคำตอบที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของท่านผู้นำก็คือ “แค่พรรคเดียวก็ปวดหัวแย่อยู่แล้ว” เหมือนเป็นการส่งสัญญาณกลับไปยังพรรคสืบทอดอำนาจโดยตรง

คงเป็นอย่างนั้น ในเมื่ออำนาจเป็นสิ่งหอมหวลขนาดตัวผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเองยังไม่ยอมปล่อยวาง สั่งให้ลิ่วล้อองคาพยพวางกลไกเพื่ออยู่ต่อให้ได้นานแสนนาน แล้วนักการเมืองที่หวังในลาภ ยศอยู่แล้วจะไม่ให้เรียกร้องถามหาตำแหน่งแห่งหนในฝ่ายบริหารได้อย่างไร ดังนั้น คำตอบที่ว่าพรรคเดียวก็ปวดหัวแย่นั้น คือภาพสะท้อนของการต่อรองอย่างหนักภายในพรรคร่วมรัฐบาล ที่อยู่ร่วมกันได้ทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะความสามารถในการบริหาร หากแต่เป็นการดูแลด้านปัจจัยอื่นที่ต้องคุ้มกับการแลกไม่รับเก้าอี้ด้วย

เอาละวา งานเข้าของแท้และไม่รู้ว่ากลไกของกฎหมายที่เครือข่ายอำนาจสืบทอดวางเอาไว้นั้น จะสามารถคุ้มกะลาหัวของกกต.ได้หรือไม่ หลังจากที่วันวานศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำพิพากษายกคำร้องของกกต.ที่แจกใบส้มให้กับ สุรพล เกียรติไชยากร ผู้สมัครส.ส.เขต 8 เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ที่ชนะการเลือกตั้ง ในคดีใส่ซองทำบุญ ซึ่งนอกจากเป็นการคืนความเป็นธรรมให้กับคนที่ถูกกล่าวหาแล้ว สิ่งที่ตามมาคือ แล้วคนที่ได้รับเลือกมาเป็นส.ส.แทนยังคงสภาพความเป็นส.ส.อีกหรือไม่

ไม่เพียงเท่านั้นคะแนนของสุรพลกว่า 5 หมื่นคะแนนที่ได้ เมื่อเป็นผู้บริสุทธิ์จะจัดการกับตรงนี้ยังไง นอกจากนี้ ทีมทนายความยังจะฟ้องเรียกค่าเสียหายกว่า 70 ล้านบาทจากกกต.โทษฐานแจกใบส้มมิชอบ ใช้อำนาจหน้าที่โดยละเมิด ยังไม่รวมไปถึงการดำเนินคดีทางอาญาอีกต่างหาก ต้องรอดูว่าจะมีการชี้แจงกันอย่างไร คนที่ออกแบบกฎหมายไว้จะช่วยชี้แจงปกป้องคนทำหน้าที่ซึ่งเต็มไปด้วยข้อกังขามาตลอดได้หรือไม่ นี่แหละผลของการวางหมากกลจนสุดท้ายก็วกกลับมารัดคอตัวเอง

Back to top button