ตลกเทคโนแครต
รองเลขาสภาพัฒน์ กล่าวในงานสัมมนา “ทางเลือก ทางรอด ฝ่าวิกฤติหนี้” ว่ารัฐบาลต้องพยายามจัดทำงบประมาณสมดุลให้ได้ภายใน 5-6 ปี หนี้ที่เกิดจากการทำนโยบายกึ่งการคลัง เพื่อช่วยเหลือประชาชนผ่านกลไกของรัฐ สามารถทำได้บางช่วงและบางโครงการ ทำมากไม่ได้จะกระทบฐานะการคลัง และทำให้งบลงทุนลดลง
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
รองเลขาสภาพัฒน์ กล่าวในงานสัมมนา “ทางเลือก ทางรอด ฝ่าวิกฤติหนี้” ว่ารัฐบาลต้องพยายามจัดทำงบประมาณสมดุลให้ได้ภายใน 5-6 ปี หนี้ที่เกิดจากการทำนโยบายกึ่งการคลัง เพื่อช่วยเหลือประชาชนผ่านกลไกของรัฐ สามารถทำได้บางช่วงและบางโครงการ ทำมากไม่ได้จะกระทบฐานะการคลัง และทำให้งบลงทุนลดลง
ยิ่งกว่านั้น หากต้องการลดการขาดดุล เดินหน้าสู่งบสมดุล รัฐบาลต้องเริ่มปรับโครงสร้างระบบราชการ เพราะเป็นระบบใหญ่ มีงบรายจ่ายประจำถึง 80% ถือว่าสูงมาก สูงเกินไป เรามีเทคโนโลยีให้ใช้ทำงานได้ จึงต้องเริ่มปรับโครงสร้างตั้งแต่วันนี้
ฟังแล้วไม่รู้จะหัวเราะเป็นภาษาอะไร เป่าปี่ใส่หูรัฐบาลสืบทอดอำนาจรัฐประหาร หกปีมีแต่ยิ่งสถาปนารัฐราชการเป็นใหญ่ เพิ่มคน เพิ่มงบประมาณ รวบอำนาจตัดสินใจสู่ส่วนกลาง
หน่วยราชการไทยที่ใหญ่โตเทอะทะที่สุดคือกองทัพ ซึ่งคงโครงสร้างจากยุคสงครามเย็น ยุ่งเกี่ยวกับความมั่นคงภายใน ถ้าลดกำลังพลเหลือแต่กำลังรบ กะทัดรัด มีประสิทธิภาพสูง เทคโนโลยีสูง จะลดนายพลได้เป็นพันนาย และไม่ต้องเกณฑ์ทหาร แต่ใครจะเอากระดิ่งไปผูกคอกองทัพ
ถัดมาคือมหาดไทย ซึ่งต้องกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ไม่ใช่มีทั้งข้าราชการส่วนภูมิภาคส่วนท้องถิ่นทับซ้อนกันเต็มไปหมด ดูง่าย ๆ พื้นที่ชานกรุงปัจจุบัน เทศบาลทำงานทั้งหมด ไม่รู้มีนายอำเภอไว้ทำอะไร
รัฐบาล คสช.ไม่เคยคิดปรับโครงสร้างระบบราชการให้กะทัดรัด กระจายอำนาจ มีแต่ทำให้ยุ่งยาก เช่นกระทรวงศึกษา จากโครงสร้างเขตพื้นที่ ยุค คสช.เพิ่มให้มีศึกษาธิการจังหวัด อำนาจทับซ้อนกัน แล้วไปเอาอัตราครูที่ควรจะลงโรงเรียน มากองไว้กับงานบริหาร เพิ่มตำแหน่งสูง ๆ เงินเดือนสูง ๆ แต่มีครูที่อยู่กับเด็กน้อยลง
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว สถาบันอนาคตไทยศึกษา เผยแพร่งานวิจัย “ข้อเท็จจริง 10 ปีระบบข้าราชการไทย” เป็นที่ฮือฮา ใคร ๆ ก็เอาไปกล่าวขาน เพราะให้ข้อเท็จจริง 6 ข้อ เช่น ฐานเงินเดือนข้าราชการไม่ได้ต่ำอีกต่อไป หลังปริญญาตรีได้ 15,000 ก็สูงกว่าเอกชน 10% กำลังคนภาครัฐเพิ่มขึ้นเกือบ 50% อยู่ที่ 2.2 ล้านคน เพราะบอกว่าไม่เพิ่มข้าราชการประจำแต่เพิ่มลูกจ้างและพนักงานราชการ
ข้าราชการระดับสูง เช่นซี 9 ขึ้นไปเพิ่มขึ้น 2 เท่า ทั้งที่จำนวนข้าราชการประจำลดลง งบบุคลากรเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ถ้ารวมสวัสดิการบำเหน็จบำนาญ 1.1 ล้านล้านบาท เป็นเกือบครึ่งของรายได้รัฐบาล (ในขณะนั้น) ส่วนท้องถิ่น งบบุคลากรก็เพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า จำนวนคน 3 เท่า
ขณะที่ประสิทธิภาพระบบราชการแย่ลง คอร์รัปชั่นก็เพิ่มขึ้น
งานวิจัยนี้ออกมาปี 58 หลังรัฐประหารใหม่ ๆ นักวิชาการ สื่อมวลชน เผยแพร่กันไปทั่ว ตั้งความหวังว่าจะกระตุ้นให้ปฏิรูปใหญ่ แล้วเป็นไง
ใครทำงานวิจัย ประธานสถาบันอนาคตไทยศึกษาชื่อ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ซึ่งเข้าไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ และ กนง. จนกระทั่งได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนใหม่นี่ไง (เซ็นใบสมัครหลังประชุมที่ปรึกษา ก่อนเวลาปิดรับสมัคร 16.30 น. ของวันที่ 10 ก.ค.)
มันน่าทึ่งไหม เทคโนแครตคนดีมีชาติตระกูล มีเกียรติคุณเป็นหางว่าว อุตส่าห์เข้าไปช่วยงานประยุทธ์ แต่เอาความคิดปฏิรูปไปผลักดันได้สักเท่าไหร่ หรือเป็นแค่เกียรติภูมิให้เข้าสู่ตำแหน่ง เพราะไม่เห็นรัฐบาลเอางานวิจัยไปใช้
ย้อนอ่านงานวิจัยแล้วจะอึ้ง เพราะชื่อนักวิจัยมีอีกคน ศิริกัญญา ตันสกุล แต่ตอนนั้นคงเป็นนักวิจัยเล็ก ๆ เวลาแถลงข่าว สื่อจึงสนใจแต่เศรษฐพุฒิ
ตลกร้าย 5 ปีผ่านไป คนหนึ่งเป็น ส.ส.ฝ่ายค้าน สังกัดพรรคต่อต้านการสืบทอดอำนาจจนถูกยุบ แล้วมาตั้งพรรคใหม่เป็นรองหัวหน้าก้าวไกล อีกคนไปรับใช้อำนาจ กระทั่งปีนสู่ตำแหน่งผู้ว่าแบงก์ชาติ ความฝันสูงสุดของเทคโนแครตไทย
ช่วยถามที วันนี้ความคิดปฏิรูประบบราชการอยู่กับใครแน่