ชอร์ตเซลทุบตลาด ?
*บรรยากาศของการเมืองไทย เศรษฐกิจไทย และตลาดหุ้นไทย ล้วนเป็นเรื่องที่ยากต่อการเข้าใจ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ยากต่อการคาดเดา เพราะทุกคนเข้าใจในสัจธรรมที่ว่า “ไม่มีมูล หมาไม่ขี้” เดี๊ยนถึงให้น้ำหนักที่เกี่ยวข้องกับ “ข่าวลือ” มากกว่า “ข่าวแก้ตัว” เนื่องจากสุภาษิตโบราณเคยกล่าวไว้ว่า “ข่าวลือมักเป็นจริงเสมอ” แถมร้อยละ 90 ของข่าวลือที่เกิดขึ้นก็เป็นจริงดั่งที่ว่าเสียด้วย..อิอิอิ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*บรรยากาศของการเมืองไทย เศรษฐกิจไทย และตลาดหุ้นไทย ล้วนเป็นเรื่องที่ยากต่อการเข้าใจ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ยากต่อการคาดเดา เพราะทุกคนเข้าใจในสัจธรรมที่ว่า “ไม่มีมูล หมาไม่ขี้” เดี๊ยนถึงให้น้ำหนักที่เกี่ยวข้องกับ “ข่าวลือ” มากกว่า “ข่าวแก้ตัว” เนื่องจากสุภาษิตโบราณเคยกล่าวไว้ว่า “ข่าวลือมักเป็นจริงเสมอ” แถมร้อยละ 90 ของข่าวลือที่เกิดขึ้นก็เป็นจริงดั่งที่ว่าเสียด้วย..อิอิอิ
*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” มองกระบวนท่าของการเมืองที่ปรับเปลี่ยนแบบพลิกฝา น่าจะเป็นเรื่องของการสมประโยชน์ระหว่างกันมากกว่า จึงทำให้เชื่อว่า การเมืองต่อจากนี้จะไม่รุนแรงเหมือนกับที่แก๊งส้มหวานพยายามเป่าหูหลอกขาสั้นคอซองไปเรื่อย ๆ เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า ตอนนี้กำลังโดนลอยแพแต่เพียงลำพัง แถมเกมการเมืองก็ยังอ่อนหัดสุด ๆ จึงมองไม่เห็นหนทางที่ค่ายนี้จะยืนระยะได้ยาวนะซี
*ในเมื่อการเมืองกำลังจัดโครงสร้างใหม่เพื่อขึ้นตรงกับ.. ย่อมทำให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศราบรื่นขึ้นเป็นกอง เพราะทุกพรรคการเมืองมีเป้าหมายเดียวกัน “โมนิก้า” ถึงมองสถานการณ์ของเศรษฐกิจจะดีขึ้นนับจากนี้ และกลายเป็นช็อตที่ทำให้เชื่อว่า ความเชื่อมั่นที่มีมากขึ้นในหลายมิติ น่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ
*ฉะนั้นในระหว่างรอให้ทุกอย่างเข้าระบบระเบียบ ก็ควรเล่นหุ้นแบบเคาะสั้นเพื่อประวิงเวลาไปก่อน เพราะสิ่งที่ทุกคนทำให้คนเล่นหุ้นกังวลคือ วันนี้จะเป็นวันแรกที่เปิดให้มีชอร์ตเซลราคาต่ำได้ตามปกติ หลังจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกมาตรการห้ามทำชั่วคราว เพื่อเป็นการยับยั้งราคาหุ้นตกหนักเพราะโดนโควิด-19 เล่นงานอ่วมอรทัย เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับจับตาดูสถานการณ์วันนี้เป็นพิเศษนะคะ
*เนื่องจากผู้รู้หลายรายมองประเด็นดังกล่าว ส่งผลโดยตรงกับตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัย โดยเฉพาะในมุมของตลาดหุ้นต่างประเทศที่อาจร่วงลงหนัก น่าจะก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรงกับการสิ้นสุดมาตรการข้างต้น ซึ่งรวมถึงการกลับไปใช้ซิลลิ่งฟลอร์ 30% วันนี้เป็นวันแรก ก็เป็นเรื่องอีกหนึ่งเรื่องที่นักเล่นต้องจับตาเป็นพิเศษ เพราะการร่วงลงหนักของดัชนีจนมาปิดที่ 1,237.04 จุด ลบ 20.30 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.89 หมื่นล้านบาท มันส่อเค้าลางอะไรบ้างอย่างให้เห็นแล้วนะจ๊ะ
*โดยเฉพาะในรายของ CPALL ทำท่าเหมือนจะขึ้นไม่ทันไร กลับโดนแรงขายสกัดเข้าอย่างจัง หุ้นเลยหัวทิ่มลงมาปิดที่ 60.25 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.27 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับนักเล่นสายลุย เพราะวงรอบของการเล่นไม่มีหุ้นใหญ่อยู่ในสายตากองทุน จึงมีความเป็นไปได้ที่จะโดนถล่มหนักอีกหนึ่งวันพะยะค่ะ
*ขนาดหุ้นที่ว่า แน่ ๆ แข็ง ๆ อย่างแบงก์ตราดอกบัว BBL ยังโดนถล่มแบบไม่มีเยื่อใย จนราคาหุ้นหลุด 100 บาทลงมาอย่างง่ายดาย และทำท่าจะไหลลงยาวอีกด้วยแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการอ่อนตัวลงมายืนที่ 96 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.07 พันล้านบาท ใช่จุดเสี่ยงตายที่จะเข้าไปรับของหรือเปล่า ? หลังองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่เอื้อเลยพับผ่าซิ !
*อีกหนึ่งหุ้นที่มีสภาพพังยับเยิน “โมนิก้า” คงโฟกัสไปที่หุ้นโรงหมอ BH เป็นประเด็นหลักสำหรับการเม้าท์แตกในเที่ยวนี้ เพราะมองแค่กลุ่มคนต่างชาติหมดโอกาสเข้ามารักษาที่เมืองไทย เพียงเท่านี้ก็ทำให้กำไรของบริษัทหายวับในพริบตา ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนออกมาด้วยราคาหุ้นทำ new low ในปี 63 เป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ราคาปิดที่ 95.25 บาท ลบไป 4.75 บาท หรือลงไป 4.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 552 ล้านบาท ก็เป็นราคาต่ำสุดในรอบ 6 ปี 6 เดือนนะออเจ้า
*ส่วนรายที่แข็งอย่างไม่น่าเชื่อ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น PTTGC เพื่อชี้ให้เห็นการยืนสวนตลาดแดงแป๊ด..ดดด มันเป็นเรื่องที่สุดแสนจะเซอร์ไพรส์ เดี๊ยนเลยต้องเอ่ยถึงการยืนแกว่งตัวไปมาบริเวณ 38 บาทร่วมสัปดาห์ น่าจะมีอะไรพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา รวมถึงการยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 39.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 569 ล้านบาท ทั้งที่หุ้นบลูชิพโดนพวกกองทุนจัดหนักกันเป็นเบือแบบนี้..ต้องลองหยอดขวาสักไม้สองไม้แล้วล่ะคุณพี่ !