หนึ่งเดียวที่เติบโตยุคโควิด
คือเวียดนามครับ อาจจะเรียกว่าเป็น 1 ในสิ่งมหัศจรรย์แห่งอาเซียนได้เลย ที่ปีนี้ เศรษฐกิจเวียดนาม ไม่มีทางติดลบเหมือนชาติอาเซียนอื่น ๆ แน่นอน
ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์
คือเวียดนามครับ อาจจะเรียกว่าเป็น 1 ในสิ่งมหัศจรรย์แห่งอาเซียนได้เลย ที่ปีนี้ เศรษฐกิจเวียดนาม ไม่มีทางติดลบเหมือนชาติอาเซียนอื่น ๆ แน่นอน
เชื่อไหมครับว่า ขณะนี้ มูลค่าการส่งออกของเวียดนาม ได้แซงหน้าประเทศไทยไปแล้ว โดยมีสถิติเปรียบเทียบปีที่แล้ว ในปี 2562 เวียดนามมียอดส่งออก 263,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ ร้อยละ 8.1
ส่วนยอดส่งออกของไทย 242,701 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้านี้ ร้อยละ 3.3
ปีนี้ ปี 2563 มูลค่าส่งออกของเวียดนาม ก็มีแนวโน้มจะทิ้งห่างประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัด!
ตัวเลขส่งออกจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม สรุปยอด 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 63) ออกมาแล้ว มูลค่า 202,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนตัวเลขส่งออกจากกระทรวงพาณิชย์ของไทย ยังมีตัวเลขแค่ 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค. 63) 133,162 ล้านเหรียญ
ประมาณการว่า การส่งออกของไทย ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเดือนละ 20,000 ล้านเหรียญ ในเดือนส.ค.-ก.ย.ที่เหลือ ก็จะมีมูลค่าไม่เกิน 180,000 ล้านเหรียญ ถูกเวียดนามทิ้งห่างไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านเหรียญ แน่ ๆ
มูลค่าการส่งออกของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นจนแซงหน้าประเทศไทย ส่วนหนึ่งก็คงจะเป็นผลมาจากการย้ายฐานลงทุนออกไปจากประเทศไทยของนักลงทุนต่างชาติ และอีกส่วนหนึ่งก็เกิดจากศักยภาพของเวียดนามเองในการเป็นหมุดหมายใหม่ของการลงทุนในตลาดเกิดใหม่
ตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ก็คือ สหรัฐอเมริกา ในช่วง 9 เดือนปีนี้ มียอดการส่งออกทั้งสิ้น 54,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ลำดับ 2 เป็นสาธารณรัฐประชาชนจีน 31,900 ล้านเหรียญ และลำดับ 3 ประชาคมยุโรปหรืออียู 26,000 ล้านเหรียญ
ส่วนการนำเข้าสินค้าของเวียดนาม ลำดับหนึ่งมาจากจีน 56,800 ล้านเหรียญ ลำดับ 2 เกาหลีใต้ 32,800 ล้านเหรียญและลำดับ 3 จากประชาคมอาเซียน 21,800 ล้านเหรียญ
เวียดนามยังเป็นประเทศที่มีการค้าขายเกินดุล ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มียอดเกินดุลการค้าทั้งสิ้น 17,000 ล้านเหรียญ
สำหรับมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ปรากฏว่าในรอบ 2 ปี ระหว่าง 2561-2562 เวียดนามมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูงมาก เติบโตในระดับร้อยละ 7.1 และร้อยละ 7.0 ตามลำดับ
ในขณะที่จีดีพีประเทศไทย ช่วง 61-62 เติบโตในระดับต่ำที่ร้อยละ 4.2 และ 2.4 ตามลำดับ
ส่วนแนวโน้มจีดีพีเปรียบเทียบเวียดนาม-ไทยในปี 63นี้ ที่ต่างก็ประสบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เต็มตัว โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 2 ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกทรุดตัวอย่างหนัก แต่เศรษฐกิจเวียดนามก็ยังมีอัตราเติบโตได้โดยไม่ติดลบ
ไตรมาส 1 และ 2 เศรษฐกิจไทยติดลบร้อยละ 2.0 และ 12.2 ตามลำดับ ครึ่งปีแรก จีดีพีติดลบร้อยละ 6.9 ส่วนเวียดนามเป็นบวกทั้ง 2 ไตรมาส ร้อยละ 3.7 และ 0.4 ตามลำดับ และไตรมาส 3 ก็ยังโตได้ร้อยละ 2.62
ADB หรือธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจเวียดนามในปี 2563 หรือปีนี้ จะเติบโตร้อยละ 1.8 และฟื้นตัวในปี 2564 ร้อยละ 6.3
แต่ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ จีดีพีเวียดนามยังคงรักษาการเติบโตได้ร้อยละ 2.12
ธนาคารโลกประจำประเทศไทย ปรับประมาณการจีดีพีจะติดลบเพิ่มขึ้นเป็น -8.3% จากประมาณการเดิมเมื่อเดือนมิ.ย.ก่อนหน้านี้ จีดีพีจะติดลบ 5% และจะฟื้นตัวในปี 2564 เป็นบวกร้อยละ 4.9
แต่หากกรณีเลวร้ายสุด จีดีพีอาจติดลบในปีนี้ถึง 10.4% และจะฟื้นตัวในปี 2564 แค่ +3.5%
ในบรรดาอาเซียน 10 ชาติ เวียดนามครองแชมป์ประเทศที่พัฒนาเศรษฐกิจในอัตราเร่งและเร็วที่สุด แม้ช่วงโควิดระบาดหนักในไตรมาส 2 ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหลายชะงักงันเป็นวงกว้าง เวียดนามก็ยังไม่หยุดโต
สิ้นปีนี้ คงได้เห็นเวียดนามเป็นเพียงประเทศเดียวในอาเซียนที่เศรษฐกิจไม่ติดลบ และมีอัตราการเจริญเติบโต
ส่วนไทยแลนด์เรา โรคร้ายยังระงมทั้งการเมือง การปกครอง การบริหารจัดการที่ล้าหลัง และองค์ความรู้แค่ 0.4 อนาคตมีทางเลือกแค่เศรษฐกิจติดลบ 8.3% หรือติดลบ 10.4% เท่านั้น