ตัดเส้น 25 วัน..ถึงจะขึ้นจริง!
*เห็นได้ชัดว่า ศาสตร์ของการลงทุนเที่ยวนี้วัดกันที่เรื่องสัญญาณเทคนิคมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งสังเกตได้จากดัชนีพยายามทดสอบแนวต้านสำคัญหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถผ่านขึ้นไปยืนได้สักที จนทำให้เส้นแนวต้านระยะสั้น 10 วัน กลายเป็นภูผาหินที่ยากจะไต่ระดับขึ้นไปได้ ขณะเดียวกันก็ทำให้เส้นแนวต้าน 25 วันแข็งโป๊กกว่าเดิมขึ้นไปอีกแบบนี้..เคาะสั้น ๆ ไปก่อนนะตัวเอง
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*เห็นได้ชัดว่า ศาสตร์ของการลงทุนเที่ยวนี้วัดกันที่เรื่องสัญญาณเทคนิคมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งสังเกตได้จากดัชนีพยายามทดสอบแนวต้านสำคัญหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถผ่านขึ้นไปยืนได้สักที จนทำให้เส้นแนวต้านระยะสั้น 10 วัน กลายเป็นภูผาหินที่ยากจะไต่ระดับขึ้นไปได้ ขณะเดียวกันก็ทำให้เส้นแนวต้าน 25 วันแข็งโป๊กกว่าเดิมขึ้นไปอีกแบบนี้..เคาะสั้น ๆ ไปก่อนนะตัวเอง
*นอกจากนี้ต้องไม่ลืมว่า การที่ดัชนีไม่สามารถพลิกแนวต้านสำคัญ 1,250 จุด (เส้น 10 วัน) ให้กลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงกับการวิ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,270 จุด (เส้น 25 วัน) “โมนิก้า” ถึงยังไม่เชื่อว่า การขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,250.15 จุด บวกไป 7.16 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.65 หมื่นล้านบาท เป็นการกลับทิศอย่างสมบูรณ์แบบนะจะบอกให้
*โดยเฉพาะในมุมของการได้ขุนคลังคนใหม่ แต่หน้าเดิมในแวดวงข้าราชการ “โมนิก้า” มองเป็นเพียงเหล้าเก่าในขวดใหม่ ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้ตื่นเต้น เพราะผลงานในสมัยที่นั่งหัวโต๊ะคุมคมนาคม ก็เป็นที่รับรู้ว่า ไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนที่พวกกองเชียร์พยายามปั้น เดี๊ยนถึงมองการขึ้นเที่ยวนี้มาจากอิทธิพลของตลาดหุ้นต่างประเทศ และทุกอย่างจะเข้าก็ต่อเมื่อ เส้น 10 วันสามารถวิ่งขึ้นตัดกับเส้น 25 วัน โพสิชั่นของตลาดหุ้นก็จะเป็นขาขึ้นเต็มตัวเจ้าค่ะ
*ข้อมูลตรงนี้ได้รับซัพพอร์ตจากการเคลื่อนตัวของ PTTEP เป็นระยะเวลานานถึง 7 เดือนกว่า ๆ และเมื่อใดที่หุ้นวิ่งตัดขึ้นไปยืนเหนือเส้น 25 วัน ราคาหุ้นก็จะอยู่ในทิศทางไซด์เวย์อัพไปอีกนาน “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 82.25 บาท บวกไป 5.50 บาท หรือขึ้นไป 7.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.67 พันล้านบาท มีโอกาสเปลี่ยนโมเมนตัมค่อนข้างสูง เพราะจุดตัดเส้น 25 วันอยู่แถว 83 บาทนี่เองจ้า !
*คล้ายกับกรณีของหุ้น JMT ที่สามารถขึ้นขี่เส้น 25 วันได้ตั้งแต่กลางเดือน เม.ย. ตรงบริเวณ 15 บาทได้สำเร็จ ต่อจากนั้นราคาหุ้นก็วิ่งเกาะเส้นนี้มาโดยตลอด จนล่าสุดหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 34.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 276 ล้านบาท พร้อมกับมีการปรับเป้าเพิ่มเป็น 42 บาท เท่ากับทำให้เส้นเทคนิคดังกล่าวมีความสำคัญขึ้นเป็นกอง แต่เหนืออื่นใดคือ กำไรของ JMT ที่ทำได้ก็สุดยอดเช่นกัน หุ้นเลยมีวันนี้..ไม่เชื่อถาม เฮีย ส. ดูซิจ๊ะ !
*ส่วนในรายของปูนใหญ่ SCC ทะยานขึ้นมายืนเหนือเส้น 25 วันได้ปุ๊บ วานนี้ก็วิ่งปั๊บ จนสุดท้ายขึ้นมายืนอยู่ที่ 347 บาท บวกไป 10 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.33 พันล้านบาท กลายเป็นสถานการณ์ที่ทำให้เชื่อว่า หุ้นจะขึ้นไปยืนแถว 360 บาทอีกรอบ และหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เชื่อเช่นนั้นมาจาก บริษัทลูกกำลังจะเข้าเทรด ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแวลูให้กับหุ้นตัวแม่ไปในตัวเจ้าค่ะ
*เม้าท์ถึงหุ้นใหญ่พอหอมปากหอคอแล้ว “โมนิก้า” ขอเปลี่ยนโมเมนต์มาดูหุ้นเล็กอย่าง FN กันสักหน่อย เพราะการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.32 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 137 ล้านบาท โดยที่เส้น 10 วันสามารถยืนเหนือเส้น 25 วันได้เล็กน้อย เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า หุ้นกำลังพยายามสร้างฐานใหม่ให้สูงกว่าเดิม จึงเป็นช็อตของการไหลตามน้ำ เพราะภาพใหญ่ยังเป็นลักษณะแกว่งตัวขึ้นพะยะค่ะ
*สำหรับกรณีของ AI น่าจะเป็นภาพที่ชัดเจนสุดของโมเมนตัมขาขึ้น รวมทั้งยังได้ปัจจัยพื้นฐานเป็นแรงหนุนสำคัญอีกช็อตหนึ่ง “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่เห็นหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 2 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 8.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 248 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็ไม่ควรมองข้ามหุ้นตัวลูกอย่าง AIE เพราะข้อมูลหลายอย่างบอกให้รู้ว่า ไตรมาส 4 จะเป็นจุดพีกของกำไร จึงเป็นจังหวะทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ต ผนวกกับราคาปิดที่ 0.62 บาท บวกไป 0.01 บาท หรือขึ้นไป 1.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 20 ล้านบาท เลยกลายเป็นหุ้นที่ทุกคนเอื้อมถึง..อิอิอิ
*ส่วนม้ามืดอย่าง CPW กลายเป็นช็อตที่เปิดช่องให้พวกเสือโหยเข้ามาตะลุมบอนกันอีกยก “โมนิก้า” เลยไม่ขออธิบายอะไรมากมายจากที่เป็นอยู่ เพราะการเล่นเที่ยวนี้มาด้วยเรื่องเก็งผลงานจะออกมาดี ราคาหุ้นถึงพุ่งขึ้นมาปิดที่ 2.54 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 9.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 116 ล้านบาท มันทำให้เชื่อว่า วันนี้อาจมีการไล่ราคากันอีกยกหนึ่ง จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมนะคะ