ตื่นตัว..อย่า..ตื่นกลัว

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ไป ๆ มา ๆ แรงกดดันที่มีมาจากอิทธิพลต่างประเทศก็ทำให้ตลาดหุ้นไทยถูกกระหน่ำขายชนิดที่ไม่ต้องสาธยายให้มากความ เพราะตัวแปรเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ยังตามหลอกหลอนไม่เลิก รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาก็ยังลอยไปลอยมา จึงเหมือนเป็นการเปิดช่องให้นักเล่นกลุ่มสถาบันขายหุ้นทำรอบกันเพลิดเพลินเจริญใจไงล่ะค่ะ

*ประเด็นข้างต้นถึงร้อยเรียงไปกับเรื่องที่ “โมนิก้า” เคยเม้าท์ให้ฟังก่อนหน้านี้อย่างจุใจ และต้องย้ำหัวหมุดอีกครั้งด้วยการบอกให้นักเล่นได้รู้ว่า ตลาดหุ้นซึมซับรับข่าวร้ายในมุมต่าง ๆ ไปเกือบหมดทุกอย่าง จึงไม่มีประเด็นที่ต้องนำมาเป็นข้อกังขา เพราะสถานการณ์ต่อจากนี้คือจังหวะของการเข้าซื้อหุ้นรายตัวทำได้ดีขนาดไหน ? หลังนักเล่นมักมีอาการลังเลใจเมื่อตลาดหุ้นตกลงหนักเป็นประจำนะซี

*ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,263.99 จุด ลบไป 9.44 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.18 หมื่นล้านบาท ย่อมไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรมากมาย เพราะโมเมนตัมของตลาดหุ้นยังไม่ใช่ขาขึ้นเต็มตัว หลังเส้นแนวรับเส้น 10 วันยังไม่ตัดกับเส้นแนวรับ 25 วัน ส่งผลให้การเคลื่อนตัวยังเป็นลักษณะแกว่งตัวด้านข้างต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้แมงเม่าซุ้มต่าง ๆ กระโจนเข้ามาเล่นหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กที่มีสตอรี่แจ่ม ๆ รอเปิดในไม่ช้าเจ้าค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของ SVI ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.05 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 7.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 212 บ้านบาท ถือเป็นช็อตที่ทำให้ “โมนิก้า” อยากตามไปดูสุด ๆ เพราะสตอรี่กำไรชวนให้แฟนคลับฟินสุด ๆ หรือแม้กระทั่งพวกแฟนคลับขาประจำก็คาดหวังกำไรต่อหุ้นปี 63 น่าจะอยู่ราว ๆ 0.30 บาท ก็เป็นตัวเร่งให้นักเล่นต้องรีบควักลูกคิดขึ้นมาดีดว่า ราคาเหมาะสมควรอยู่ที่เท่าไหร่ ?..อิอิอิ

*สำหรับหุ้นตัวท็อปที่เล่นสั้นกันอย่างสนุกสนาน “โมนิก้า” คงชี้เป้าไปที่หุ้น AMANAH เพื่อชี้ให้เห็นวงรอบเดิม ที่เคยเล่นกันมาอย่างไร วันนี้ยังคงเล่นในสไตล์เดิมทุกประการ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการวิ่งขึ้นมาถึง 3 บาท ก่อนจะย่อตัวลงมาปิดที่ 2.80 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 2.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 240 ล้านบาท มันมีอะไรที่แตกต่างไปจากเที่ยวที่เคาะกันในกรอบ 2.50-3.10 บาทอะป่าว ?

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะหันไปดูหุ้น AMATA เพียงเพราะวงรอบของหุ้นที่เคยเห็นเมื่อครั้งก่อน ทำให้เดี๊ยนนึกถึงวงรอบของหุ้นในครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน จึงไม่เชื่อว่าหุ้นจะไปได้ไกลกว่าระดับ 14 บาทอย่างแน่นอน เพราะข้อมูลสายเทคนิคในช่วงระยะเวลา 2 เดือนครึ่งว่าไว้อย่างนั้น จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ 13.30 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 4.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 211 ล้านบาท ยังน่าสนใจไหมเอ่ย ?

*ส่วนม้าตีนปลายอย่าง NRF ถือเป็นช็อตที่ชวนให้กังขาใจมากเหลือเกิน เพราะการขึ้นมาปิดที่ 6.35 บาท บวกไป 0.85 บาท หรือขึ้นไป 15.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.15 พันล้านบาท มันเป็นการเทรดบนค่า P/E 115 เท่าเป็นอย่างต่ำ “โมนิก้า” เลยไม่มีมุมที่จะชี้ให้แฟนคลับลุยสุดซอย เพราะการเติบโตของบริษัทคงไปได้เรื่อย ๆ ไม่หวือหวาเหมือนราคาหุ้นในกระดาน จึงหาจุดตัดที่เหมาะสมของทั้งสองเรื่องไม่เจอเจ้าค่ะ

*สำหรับรายที่พยายามงัดขึ้น เพื่อทำฐานใหม่สูงขึ้นกว่าเดิมอย่าง PIMO กลายเป็นช็อตที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมามองเพื่อประเมินสถานการณ์ของหุ้นต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร ? หลังมีการไล่ราคาหุ้นขึ้นไปถึงระดับ 2.60 บาท ก่อนจะย่อตัวลงมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายยืนปิดที่ 2.42 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 104 ล้านบาท มันเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า แรงขายเยอะนะตัวเอง

*อีกรายที่ต้องเม้าท์ถึงสักหน่อย “โมนิก้า” คงเหลือบมองไปที่หุ้น ITEL หลังราคาหุ้นแกว่งขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นเวลาสามเดือนครึ่ง ทั้งที่ผลงานยังโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ผสานกับโครงสร้างของหุ้นอยู่ในกลุ่มที่เป็น growth stock เดี๊ยนเลยเชื่อว่า หุ้นน่าจะไปได้ไกลกว่าที่เห็นในตอนนี้ เพราะการยืนปิดที่ระดับ 3.16 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 55 ล้านบาท เป็นการเทรดบนค่า P/E 15 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำเกินไปนะซี

*ป.ล.วันนี้น้องโมขอเม้าท์ตามตรงว่าการเมืองในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยให้ประโยชน์อะไรกับประชาชนเลยสักอย่าง เพราะคนที่เสวยสุขจริง ๆ ก็เป็นพวกแกนนำทั้งนั้น น้องโมเลยอยากจะบอกให้รู้แค่นี้แหละ!..“เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วไม่จำคือ ค.”… อิอิอิ