หาแวลูไม่เจอ!

*ข้อมูลที่ “โมนิก้า” อยากเม้าท์เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพข้างหน้าไปพร้อมกันคือ วันนี้แวลูของการซื้อหุ้นแต่ละตัวอยู่ตรงไหน ? เพราะสิ่งที่เห็น ณ เวลานี้ล้วนเป็นลักษณะของหุ้นที่ต่ำกว่าแวลูกันทั้งนั้น แต่แรงขายกลับไม่มีทีท่าจะซาลงแต่อย่างใด ? ส่งผลให้บรรยากาศของการลงทุนไม่บรรเจิดอย่างที่หลายคนคาดหวัง จนนำไปสู่คำบอกเล่าปากต่อปากให้ถือเงินสดเยอะกว่าหุ้นแล้วนะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ข้อมูลที่ “โมนิก้า” อยากเม้าท์เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพข้างหน้าไปพร้อมกันคือ วันนี้แวลูของการซื้อหุ้นแต่ละตัวอยู่ตรงไหน ? เพราะสิ่งที่เห็น ณ เวลานี้ล้วนเป็นลักษณะของหุ้นที่ต่ำกว่าแวลูกันทั้งนั้น แต่แรงขายกลับไม่มีทีท่าจะซาลงแต่อย่างใด ? ส่งผลให้บรรยากาศของการลงทุนไม่บรรเจิดอย่างที่หลายคนคาดหวัง จนนำไปสู่คำบอกเล่าปากต่อปากให้ถือเงินสดเยอะกว่าหุ้นแล้วนะคะ

*ประเด็นข้างต้นเชื่อมโยงกับสถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศที่ยังหาทางออกไม่เจอ ! ซึ่งกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้ผู้เล่นเกิดอาการระเหี่ยใจกันถ้วนหน้า เพราะหุ้นที่เพิ่งเก็บเข้าพอร์ตไปเมื่อวันก่อน ดันมีราคาที่ต่ำกว่าให้เห็นเป็นระยะ พร้อมกับเห็นภาพการเคลื่อนตัวของดัชนีอยู่ในลักษณะไซด์เวย์ดาวน์ต่อไปเรื่อย ๆ น้องโมเลยไม่รู้ว่า จะใช้วิธีตีแวลูของตลาดหุ้นไทยแบบไหนเจ้าค่ะ

*เนื่องจากทุกทฤษฎีถูกนำมาใช้ประเมินความน่าจะเป็นไปหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ PEG-P/E-P/BV-BV ก็ชี้ชัดลงไปว่า ตอนนี้เป็นระดับที่ทยอยลงทุนได้สบาย ๆ แต่เหตุไฉน “กองทุน” กับ “ฝรั่ง” ถึงยังเล่นหุ้นแบบตีหัวเข้าบ้าน (ขึ้นแล้วสาดทันที) “โมนิก้า” ถึงต้องเม้าท์กับแฟนคลับให้รู้ในอีกครั้งว่า ตลาดหุ้นไทยหาแวลูไม่เจอใช่ไหม ? บรรดาผู้เล่นถึงมีอาการเซ็งเป็ดกันเป็นแถว..อิอิอิ

*โชคดีที่ความคาดหวังต่อการ “เล่นรอบ” (ช้อนล่าง) ยังเป็นตัวค้ำยันตลาดหุ้นไทย ดัชนีถึงประคองตัวเหนือแนวรับสำคัญบริเวณ 1,200 จุดได้อย่างฉิวเฉียด วานนี้ถึงเห็นดัชนีโอนเอนไปมาตลอดทั้งวัน ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ 1,207.97 จุด ลบไป 5.64 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.15 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นโมเมนตัมที่ไม่สวยงามเอาเสียเลย แต่ก็ต้องอยู่ให้เป็นเพื่อเพิ่มสีสันให้กับชีวิตพะยะค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของร้านสะดวกซื้อ CPALL ทิ้งลงมาทำ double bottom อย่างเป็นทางการแล้ว ก็มีความจำเป็นต้องเด้งกลับอย่างเร่งด่วน เพื่อทำให้โมเมนตัมของหุ้นไม่เสียศูนย์ไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะการลงมายืนปิดที่ 55.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.64 พันล้านบาท ท่ามกลางตัวเลขกำไรลดฮวบ ส่งผลให้การเทรดบนค่า P/E 25 เท่า ยังเป็นระดับที่สูงเกินไปในสายตากองทุนนะซี

*ในเมื่อบรรยากาศหลายอย่างไม่เป็นใจ ย่อมส่งผลกระเทือนไปถึงหุ้นขายน้ำ CBG อย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน เพราะเคยถูกวางให้เป็น growth stock พร้อมกับมีการเม้าท์ถึงสตอรี่ใหม่ ๆ ออกมาให้ได้ยินเป็นประจำ แต่ทันทีที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยปัญหา ราคาหุ้นก็ย่อตัวลงต่อเนื่อง จนล่าสุดยืนอยู่ที่ระดับ 111 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 562 ล้านบาท มันไม่มีมุมให้ยืนข่าวด้านบวกเลยพับผ่าซิ !

*เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ BTS ก็มีประเด็นที่รบกวนใจหลายเรื่อง จนกองทุนเกิดอาการท้อแท้ และนำไปสู่การรินหุ้นออกมาตลอดเวลา “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องไทมิ่งที่ยังไม่เจอจุดลงเอย ราคาหุ้นถึงต้องอ่อนตัวลงไปเรื่อย ๆ และการยืนปิดที่ 9 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 442 ล้านบาท จึงไม่น่าใช่จุดต่ำสุดของเที่ยวนี้กระมั้ง..ไม่เชื่อลองไปถาม นวค. ดูซิค่ะ

*คล้ายกับกรณีของหุ้น CPN ทำท่าเหมือนจะฟื้นจากพิษไข้ แต่ทำไปทำมากลับออกอาการโซเซไปเสียอย่างนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่นักเล่นต้องหัดเรียนรู้ เพื่อพาตัวเองไปอยู่ในจุดปลอดภัย “โมนิก้า” ถึงอยากให้พวกขาลุยมองการอ่อนตัวลงมายืนที่ 37.25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 334 ล้านบาท เทียบกับราคาก่อนหน้า 2 สัปดาห์ที่ระดับ 46 บาท คุณ ๆ ท่าน ๆ ยังจะ “กล้ามาก เก่งมาก” อีกไหม ?..หุหุหุ

*อีกรายที่ต้องจดจำในมุมของการโดนเทตลอดเวลา เลยทำให้สถานการณ์ของ ACE ไม่ค่อยสู้ดีนับตั้งแต่กลางเดือน ก.ค. “โมนิก้า” จึงต้องกล่าวถึงเพื่อชี้ให้เห็นกำไรครึ่งแรกปี 63 โตกว่าทั้งปี 62 แต่กลับไม่มีคนเล่น จนราคาหุ้นร่วงลงมายืนปิดที่ 2.50 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 45 ล้านบาท กลายเป็นประเด็นที่นักเล่นต้องคิดหนักพอสมควร เพราะไม่มีใครรู้ว่า แวลูจริงอยู่ตรงไหนพะยะค่ะ

Back to top button