BCPG ได้คุ้มเสีย!
ต้องดูที่วัตถุประสงค์การเพิ่มทุนของ BCPG ที่เป็นกุญแจสำคัญว่ามีวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนชัดเจนแค่ไหน เพราะเงินที่จ่ายไปจะทำให้ธุรกิจเติบโต กำไรเติบโต ราคาหุ้นจะกลับขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ
เส้นทางนักลงทุน
ว่าด้วยเรื่องเพิ่มทุนของทางบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ที่ได้ผ่านการโหวตจากมติประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมาแล้ว เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2563 ที่ผ่านมานั้น ในการอนุมัติให้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 10,000 ล้านบาท เป็น 16,508.50 ล้านบาท โดยจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนออกใหม่ 1,301.70 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท
แบ่งการเพิ่มทุนจัดสรรออกเป็นสามส่วน โดยจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 674.50 ล้านหุ้น เสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด (PP) ในราคาหุ้นละ 11.50 บาท ให้แก่ Pilgrim Partners Asia (Pte.) จำนวน 195.75 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.93% ของทุนชำระแล้ว และ Capital Asia Investments Pte. Ltd. จำนวน 195.75 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.93% ส่วนอีกจำนวน 283 ล้านหุ้น เสนอขายให้ PP โดยผ่านกระบวนการเปิดให้ผู้ลงทุนสถาบันแสดงความประสงค์ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ณ ระดับราคาที่ต้องการ (Book Building)
พร้อมด้วยจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 250 ล้านบาท เสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) อัตรา 8 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ราคาเสนอขาย 11.50 บาท
นอกจากนี้ จัดสรรเพิ่มทุนจำนวน 377.20 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) มีการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 377.20 ล้านหุ้น รองรับ 4 รุ่น คือ BCPG-W1, BCPG-W2, BCPG-W3 และ BCPG-ESOP โดยบริษัทจะแจก BCPG-W1 ให้ผู้ถือหุ้นเดิมที่ใช้สิทธิเพิ่มทุน ในอัตรา 2.80 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1 วอร์แรนต์ ราคาแปลงสิทธิ 8 บาท อายุ 2 ปี อัตราใช้สิทธิ 1 ต่อ 1 ส่วน BCPG-W2 จะแจกให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่ใช้สิทธิเพิ่มทุน ในอัตรา 2.80 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1 วอร์แรนต์ ราคาแปลงสิทธิ 8 บาท อายุ 3 ปี อัตราใช้สิทธิ 1 ต่อ 1 ส่วน BCPG-W3 จะแจกให้กับผู้ถือหุ้นเพิ่มทุน PP ในอัตรา 2.1924 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1 วอร์แรนต์ ราคาแปลงสิทธิ 8 บาท อายุ 1 ปี อัตราใช้สิทธิ 1 ต่อ 1 นอกจากนี้บริษัทจะแจก BCPG-ESOP ให้กับกรรมการและพนักงานบริษัท โดยมีราคาใช้สิทธิ 13.70 บาท อายุ 5 ปี อัตราใช้สิทธิ 1 ต่อ 1
อย่างไรก็ตาม ได้มีการขึ้นเครื่องหมายไม่ได้รับสิทธิเพิ่มทุน (XR) ในวันที่ 14 ต.ค. 2563 เป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว ทั้งนี้สิทธิสำหรับนักลงทุนที่สามารถได้หุ้นเพิ่มทุน ต้องเป็นผู้ซื้อก่อนวัน (XR) เท่านั้นถึงจะได้สิทธิดังกล่าว
และเมื่อได้สิทธิเพิ่มทุนแล้ว เชื่อว่านักลงทุนที่ได้สิทธิเพิ่มทุน ต้องมานั่งขบคิดเรื่องของการซื้อหุ้นเพิ่มทุนต่อว่า เมื่อเพิ่มทุนไปแล้วคุ้มหรือไม่ ?
สำหรับการเพิ่มทุนโดยทั่วไปราคาหุ้นอาจลดลง เพราะผู้ถือหุ้นมักขายหุ้นนั้นออกมาโดยเข้าใจว่ากำไรต่อหุ้นของบริษัทน่าจะลดลง เพราะบริษัทมีการเพิ่มจำนวนหุ้นมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงบริษัทที่เพิ่มทุนเพราะมีโครงการลงทุนใหม่ ๆ ซึ่งอาจจะทำให้กำไรโดยรวมของบริษัทเติบโต ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นเท่าเดิมหรือสูงขึ้นกว่าช่วงก่อนเพิ่มทุนก็เป็นได้
ดังนั้นต้องดูที่วัตถุประสงค์การเพิ่มทุนของ BCPG ที่เป็นกุญแจสำคัญว่ามีวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนชัดเจนแค่ไหน เพราะเงินที่จ่ายไปจะทำให้ธุรกิจเติบโต กำไรเติบโต ราคาหุ้นจะกลับขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ
ด้วยวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนของ BCPG ที่มีการประเมินว่าจะได้เงินประมาณ 10,235 ล้านบาทจากการเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นนั้น จะนำเงินไปรองรับแผนการขยายธุรกิจ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีสู่การเติบโตในอนาคต โดยจะนำเงินลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประมาณ 3,570 ล้านบาท กำหนดระยะเวลาการใช้เงินในปี 2563-2566
นอกจากนี้ นำไปชำระคืนเงินกู้สำหรับการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ รวมกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 20 เมกะวัตต์ ในประเทศไทย รวมถึงเงินลงทุนสำหรับการชำระค่าซื้อโครงการส่วนที่เหลือ และเงินลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและการซ่อมบำรุงโครงการประมาณ 1,210 ล้านบาท ในปี 2563-2565
อีกทั้งในการชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนสำหรับการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงาน Nam San 3A และ Nam San 3B กำลังการผลิตรวม 114 เมกะวัตต์ รวมถึงเงินลงทุนสำหรับการติดตั้งสายส่งเพิ่มเติมประมาณ 1,870 ล้านบาท ภายในปี 2563
ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 3,700 ล้านบาท จะนำไปใช้ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศในอนาคตภายในปี 2563-2564
สิ่งสำคัญการเพิ่มทุนจะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและมั่นคงให้แก่ฐานะทางการเงินของบริษัท ทำให้มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลง และยังช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้น และจะช่วยให้บริษัทสามารถขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม รวมถึงชำระคืนหนี้บางส่วนแก่สถาบันการเงินตามแผนที่วางไว้ ทำให้ผลการดำเนินงานของ BCPG มีแนวโน้มที่จะเติบโตในอนาคต
สอดคล้องไปทิศทางเดียวกับ บล.ทิสโก้ คาดว่าแผนการเพิ่มทุน ขึ้นเครื่องหมาย XR ในวันที่ 14 ต.ค. จะช่วยให้ BCPG มีเงินเพิ่มขึ้น 1.03 หมื่นล้านบาท และจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 3.02 พันล้านหุ้น จากเดิมที่ 1.99 พันล้านหุ้น ยังไม่รวมหุ้นที่เป็น Private Placement และด้วยเงินทุนที่เพิ่มขึ้นจะทำให้บริษัทสามารถทำ M&A เพิ่มได้ในอนาคต พร้อมทั้งสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ลดลงจากเดิม 1.8 เท่า เป็น 0.7 เท่า ในปี 2566 เพิ่มโอกาสในการขยายพอร์ตการลงทุน
อีกทั้งคาด EPS จะเพิ่มขึ้น 6.8% ในปี 2565 และมี upside จากโครงการใหม่ นอกจากนี้ การเพิ่มทุนจะช่วยเสริมสถานะทางการเงิน และเตรียมพร้อมการ M&A
ขณะเดียวกัน มีการคาดการเติบโตของ EBITDA ที่ 80% สำหรับโครงการ hydropower 114 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเข้ามารับรู้ในปีนี้ และโครงการพลังงานลม 270 เมกะวัตต์ ที่จะ COD ในไตรมาส 4/2566 ที่สปป.ลาว รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่น 75 เมกะวัตต์ ที่จะ COD ในครึ่งหลังของปี 2564-2565 และได้รวมโครงการใหม่ (มูลค่า 3.7 พันล้านบาท หรือ 36% ของเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนที่จัดสรรสำหรับโครงการใหม่)
ผลดังกล่าวคาดว่าจะช่วยหนุนกำไรจากการสิ้นสุดของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยในช่วงปี 2565-2567 คาดรายได้และส่วนแบ่งกำไรจะเติบโตจาก 4.6 พันล้านบาทในปี 2563 เป็น 5.4 พันล้านบาทในปี 2564 และ 7.4 พันล้านบาทในปี 2565-2567
เอาเป็นว่าใกล้จะมีการเปิดจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งจะมีในระหว่างวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 และวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563
ทั้งนี้ ในส่วนจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 250 ล้านหุ้น ซึ่งแบ่งเสนอขายให้แก่ผู้ถือเดิมของบริษัท (RO) ทางผู้บริหารมั่นใจว่า บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ (แม่) ใน BCPG จะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนเข้ามาเต็มจำนวน!!! ส่วนหุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขายให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 391.5 ล้านหุ้น จัดสรรให้กับ Pilgrim Partners Asia และ Capital Asia Investments มีความมั่นใจเช่นกันว่าไม่มีปัญหาในการเพิ่มทุน
อย่างไรก็ตาม สำหรับส่วนที่จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 250 ล้านหุ้น เสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) เชื่อว่าจะมีการเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน เพราะถึงอย่างไรยังมีความเชื่อมั่นการเติบโตที่ดีในอนาคต และยังทำให้มีโอกาสเห็นราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้ดีในวันข้างหน้า
ตามราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์ต่าง ๆ แต่ละโบรกฯ มองราคาหุ้น BCPG ยังมีอัพไซด์ให้เข้าไปลงทุน อย่าง บล.กสิกรไทย ให้ราคาเป้าหมาย 18.10 บาท พบว่ามีอัพไซด์ 57.39%, บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้ราคาเป้าหมาย 18 บาท พบว่ามีอัพไซด์ 56.52%, บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ราคาเป้าหมาย 17.40 บาท พบว่ามีอัพไซด์ 51.30%, บล.เคจีไอ ให้ราคาเป้าหมาย 17.30 บาท พบว่ามีอัพไซด์ 50.43%, และบล.ทิสโก้ ให้ราคาเป้าหมาย 14.50 บาท พบว่ามีอัพไซด์ 26.09%
ดังนั้น จากราคาหุ้นปรับตัวลงถือเป็นช่วงจังหวะของการเข้าเก็บสะสม เพราะอย่างไรก็ตาม หากเป็นไปตามแผนที่ผู้บริหารวางไว้ จะได้เห็นการเติบโตมากยิ่งขึ้นในอนาคต
สรุปจากภาพรวมแล้วเชื่อว่าหากมีการซื้อหุ้นเพิ่มทุนจะได้มากกว่าเสีย (อนาคต)