แก้ปัญหาโดยไม่ใช้เงินขี่พายุ ทะลุฟ้า
ลืมกันแล้วหรือยัง บาดแผลใหญ่ต้มยำกุ้งปี 2540 มีอยู่ 2 แผล
ลืมกันแล้วหรือยัง บาดแผลใหญ่ต้มยำกุ้งปี 2540 มีอยู่ 2 แผล
แผลหนึ่งคือหนี้ไอเอ็มเอฟ จำนวน 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนอีกแผลหนึ่งนั้นก็คือ หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฟื้นฟูฯ) จำนวน 1.4 ล้านล้านบาท
แผลแรก หนี้ไอเอ็มเอฟ จบไปแล้วจากการใช้หนี้คืนเต็มจำนวนในสมัยม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติ และทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนแผลหลัง อันเกิดจากการปิดสถาบันการเงิน 56 แห่ง ยังไม่จบ แต่ก็มีทิศทางที่ดีในการแก้ไข โดยเฉพาะเป็นการแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องนำเงินงบประมาณแผ่นดินมาใช้เสียด้วย
เดิมทีนั้น หนี้ 1.4 ล้านล้านบาท ก็เป็นข้อตกลงระหว่าง “หม่อมอุ๋ย” กับ “อดีตนายกฯทักษิณ” ว่า แบงก์ชาติจะรับภาระจ่ายหนี้เงินต้น และให้รัฐบาลเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ย
ดูเหมือนดีนะครับ เพราะแบงก์ชาติในฐานะดูแลกำกับสถาบันการเงิน แต่ดูแลได้ไม่ดีจนเกิดปัญหาขึ้นมา ก็ควรต้องรับผิดชอบหนี้กองใหญ่คือหนี้เงินต้นไป
ส่วนรัฐบาลที่รับผิดชอบทางอ้อม ก็ควรรับภาระจิ๊บๆ แค่ดอกเบี้ย
แต่ในความจริง หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะตัวพ.ร.บ.แบงก์ชาตินั่นแหละ มีบทกำกับห้ามใช้หนี้ หากยังมีผลขาดทุนอยู่
ด้วยเหตุนี้ ผ่านมาสัก 10 ปีเห็นจะได้ แบงก์ชาติก็ไม่เคยได้จ่ายหนี้เงินต้นเลย มีแต่รัฐบาลเท่านั้น ต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายแต่ละปีในราว 5-6 หมื่นล้านบาท มาจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ย
โดยเงินต้นไม่ลดราวาศอกลงเลย และก็ไม่มีวี่แววว่าชาติไหนจะได้ล้างหนี้เงินต้นได้เสียด้วย
มันคงจะเป็นโคตรหนี้มหาอมตะนิรันดร์กาล 1.4 ล้านล้าน ที่ก่อหนี้ผูกพันลูกหลานไปชั่วนิจนิรันดร์
แต่ก็โชคดีมหันต์นะ ที่ในยุคยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกพ.ร.ก.การปรับปรุงหนี้เงินกู้ฯพ.ศ. 2555
สาระสำคัญก็คือ ให้ตัดยอดเงิน 0.46% จากยอดเงิน 0.5% ที่สถาบันการเงินนำส่งเข้าสถาบันประกันเงินฝาก เพื่อนำไปใช้ลดหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ
ผลจากการออกพ.ร.ก.ฉบับนี้ ทำให้ภาระจ่ายดอกเบี้ยของรัฐบาลปีละ 5-6 หมื่นล้านบาท ยุติลงตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา โดยกองทุนฟื้นฟูฯรับภาระจ่ายหนี้ทั้งหมด และหนี้เงินต้นก็ลดลงมาเป็นลำดับด้วย
ตั้งแต่ต.ค. 2555 จนถึงมิ.ย. 2558 กองทุนฟื้นฟูฯชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยรวมแล้ว 227,654 ล้านบาท แบ่งเป็นชำระคืนเงินต้น 99,794 ล้านบาท และจ่ายดอกเบี้ย 127,849 ล้านบาท
ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. 58 กองทุนฟื้นฟูฯก็จะชำระคืนต้นเงินกู้อีก 34,547 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ยเพิ่มอีก 8,140 ล้านบาท
อันจะทำให้ยอดหนี้เงินต้น ลดลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาทเป็นครั้งแรก โดยมียอดคงเหลือทั้งสิ้นประมาณ 998,791 ล้านบาท
น.ส.ปรียานุช จึงประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ธปท. คาดการณ์ว่า หนี้กองทุนฟื้นฟูฯก้อนนี้ จะสามารถชำระได้หมด ภายในเวลา 15 ปีนับจากนี้ หรือภายในปี 2573
อันเป็นการชำระได้หมดก่อนกำหนดประมาณ 6 ปี จากเดิมที่คาดว่าจะชำระคืนหมดในปี 2579
ไชโย! หนี้อภิมหาอมตะนิรันดร์กาล มันไม่เป็นอภิมหาอมตะนิรันดร์กาล ผูกมัดคนไทยทั้งมวลไปชั่วหลานเหลนโหลนอีกต่อไปแล้ว
การแก้ปัญหา ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุ่มเสมอไป การแก้ปัญหาโดยสติปัญญาเยี่ยงนี้ สมควรได้รับการยกย่องอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลแบบใด