ไม่ราบรื่น..แต่เอาอยู่
*ข้อมูลการลงทุนหลายอย่างอาจไม่เป็นใจเหมือนที่คาดหวังก็จริง แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่า หลายสิ่งกำลังฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้ง “ในประเทศ” และ “ต่างประเทศ” ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องเป็นลำดับแรก ส่วนประเด็นอ่อนไหวทางการเมืองเป็นแค่เพียงสีสันที่ทำให้ชีวิตมีรสชาติมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเอาเข้าจริงก็เป็นเพียงกุศโลบายในการเพิ่มพวกพ้อง..อิอิอิ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ข้อมูลการลงทุนหลายอย่างอาจไม่เป็นใจเหมือนที่คาดหวังก็จริง แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่า หลายสิ่งกำลังฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้ง “ในประเทศ” และ “ต่างประเทศ” ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องเป็นลำดับแรก ส่วนประเด็นอ่อนไหวทางการเมืองเป็นแค่เพียงสีสันที่ทำให้ชีวิตมีรสชาติมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเอาเข้าจริงก็เป็นเพียงกุศโลบายในการเพิ่มพวกพ้อง..อิอิอิ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” มองเรื่องผลประกอบการต้องมาก่อนเรื่องอื่น เพราะเป็นตัวแปรที่ชี้ให้เห็นทิศทางเศรษฐกิจดีขึ้นไหม ? และยังเป็นการส่งสัญญาณให้ขาลุยได้เห็นโอกาสในการซื้อหุ้นเปิดกว้างขนาดไหน ? ผนวกกับสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแมงเม่าเม้าท์กันให้แซ่ดว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และทำให้แมงเม่าทยอยเก็บหุ้นเมื่ออ่อนตัวลงมา จนกลายเป็นคนพยุงตลาดไปแล้วนะตัวเอง
*ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” มองการเคลื่อนตัวของดัชนีในรูปแบบไซด์เวย์ดาวน์เป็นเวลานานถึง 5 เดือน โดยระหว่างทางมีการรีบาวด์ในทิศทางขาลงให้เห็นเป็นระยะ น่าจะเป็นการบอกให้รู้แบบกลาย ๆ ว่า ตลาดหุ้นยังเงี่ยหูรอฟังข่าวดีเข้ามาเสริมความมั่นใจ จึงมองการอ่อนตัวลงมาทุกครั้งคือโอกาสของการทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ต เพราะหุ้น “บางกลุ่ม บางตัว” ยังทำผลงานได้ดีนะซี
*ฉะนั้นการที่ดัชนียื้อตั้งนานกว่าจะหลุดแนวรับ 1,200 จุด ย่อมเป็นเรื่องดีในมุมของเทคนิค เพราะได้เห็น “แรงขาย” ก้อนใหญ่สู้กับ “แรงซื้อ” อย่างถึงพริกถึงขิง ก่อนที่ดัชนีจะพยายามดีดกลับขึ้นมายืนที่แนวรับดังกล่าวอีกครั้ง ล้วนเป็นเรื่องราวที่ชี้ให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีเสน่ห์ ! ดัชนีถึงถีบตัวขึ้นมายืนปิดที่ 1,202.16 จุด บวกไป 7.21 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.07 หมื่นล้านบาทไงล่ะค่ะ
*เหมือนกับเหตุการณ์ CPALL โดนกระหน่ำขายจนทำนิวโลว์ในรอบปีครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 54.25 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.44 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นมิติการเล่นหุ้นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีความหวังที่จะได้เห็นหุ้นไต่เพดานขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ เดี๊ยนถึงชอบตามดูหุ้นที่มักทำคนติดดอยเยอะแยะ หลังมีความเชื่อประหลาด ๆ อยู่ในหัวเจ้าค่ะ
*เหมือนกับในรายของ STARK ทำเอาชาวบ้านชาวช่องก่นด่าไม่ว่างเว้น เพราะกลายเป็นพวก “มือถือสาก ปากถือศีล” ขนาดกลุ่มก๊วนที่เป็นกองเชียร์ด้วยกันยังต้องขอถอนตัว เพราะเกมขายหุ้นราคาต่ำกว่ากระดานหลายช่อง มันเหมือนเป็นการยืมมือคนอื่นเพื่อช่วยออกของแบบนี้ เดี๊ยนบอกได้ทันทีว่า มีคนจองกฐินก๊วนนี้ไว้เยอะมาก โดยเฉพาะในช่วงของการประกาศงบ หากออกมาไม่ดีเหมือนที่โม้ไว้..รับรองมีโดนกระทืบจมดินแน่ ๆ น้องโมจึงไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อการเด้งขึ้นมาปิดที่ 1.66 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 7.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.29 พันล้านบาทค่ะ
*เช่นเดียวกับเจ้าพ่อที่ดิน AWC ถูกนักเล่นดันแบบสุดลิ่มทิ่มประตูเพียงเพราะเชื่อในทฤษฎี “สายป่านยาว” น่าจะทำให้อาณาจักรใหญ่ขึ้นไปอีกในอนาคต จึงดันหุ้นขึ้นมาปิดที่ 3.20 บาท บวกไป 0.28 บาท หรือขึ้นไป 9.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 685 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่มองกันยาวมาก ๆ และควรเผื่อใจติดหุ้นราคาสูงไว้ด้วย เพราะ ธุรกิจโรงแรม สำนักงาน และพาณิชย์ ยังอยู่ในอาการโคม่า เดี๊ยนถึงกล้าพูดว่า ซื้อได้แต่ไม่มีแวลูให้นะตัวเอง
*คล้ายกับการรีบาวด์ของหุ้น CKP ก็มีประเด็นต้องฉุกคิดเหมือนกันว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.52 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 9.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 225 ล้านบาท มาจากความคาดหวังงบสวยหรือเปล่า ? เพราะเมื่อดูตามท้องเรื่องก่อนหน้า ล้วนมีแต่ความกังวลปะทุขึ้นมาเป็นระลอก จึงกลายเป็นหุ้นที่มีเรื่องให้ตีความเยอะแยะไปหมด และคนที่น่าจะให้คำตอบได้ดี คงหนีไม่พ้นพวกกองทุนที่เข้ามาไล่ราคาเจ้าค่ะ
*ส่วนรายที่ทำเม่าเจ็บแสบขึ้นมาทันที “โมนิก้า” คงชี้เป้าไปยังหุ้น SFT ที่พุ่งทะยานอย่างร้อนแรงตั้งแต่เปิดเทรด จนขึ้นไปทำราคาสูงสุดของวันที่ระดับ 4.72 บาท ก่อนจะโรยตัวลงมาเรื่อย ๆ พร้อมกับปิดไปที่ระดับ 4.40 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 615 ล้านบาท มันเป็นเกมที่ทำให้หลายคนเสียเซลฟ์กันเป็นเบือ และกลายเป็นเกมอันตรายที่พวกอ่อนหัดไม่ควรเข้าไปยุ่งนะคะ