ฝรั่ง (ยัง) ไม่แรลลี่
วานนี้ (11 พ.ย.) นักลงทุนต่างชาติไล่ซื้อสุทธิหุ้นอีก 7.23 พันล้านบาท
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
วานนี้ (11 พ.ย.) นักลงทุนต่างชาติไล่ซื้อสุทธิหุ้นอีก 7.23 พันล้านบาท
หลังจากวันก่อนหน้าซื้อไป 1.89 หมื่นล้านบาท
ปุจฉา…หรือมีคำถามว่าต่างชาติจะซื้อสุทธิต่อเนื่องหรือเป็น “แรลลี่” หรือเปล่า
เท่าที่หาข้อมูลกับนักวิเคราะห์ที่จับตาพอร์ตลงทุนต่างประเทศอยู่ ได้คำตอบมาว่า ยังไม่น่าจะเป็นแรลลี่ หรืออาจจะมีการซื้อเพิ่มอีกบ้าง แต่วอลุ่มเทรดจะบางกว่า 2 วันก่อนหน้านี้
การเข้ามาของต่างชาติรอบนี้ ไม่ได้เข้ามาเฉพาะตลาดหุ้นไทย
ทว่า เป็นการเข้ามายังตลาดหุ้นเกิดใหม่ หรือ Emerging Market
เงินที่เข้าหุ้นไทยนั้นยังไม่ได้ถือว่ามีจำนวนมากนัก
เพียงแต่ว่าต่างชาติ จะเข้ามาเริ่มจากเก็บหุ้นในกลุ่มที่มองดูแล้วว่าราคาลงมาค่อนข้างถูก และมีแนวโน้มเติบโต เช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคารพาณิชย์
ดังนั้น วันนี้ต่างชาติอาจกลับมาขายบ้าง
หรือยังอาจจะซื้อเพิ่มได้อีกบ้าง
ออกได้ทั้งสองหน้า
ยังมีคำถามอีกว่า การเข้าซื้อรอบนี้ หากยังไม่ได้แรลลี่ แล้วจะเกิดการขายทำกำไรหรือไม่
วิสัชนาของคำถามนี้ คือ ก็อาจจะมีขายทำกำไรออกมาบ้าง
และเป็นช่วงสั้น ๆ เท่านั้น
เพราะมีการประเมินว่า แม้ต่างชาติจะซื้อ ๆ ขาย ๆ ในช่วงนี้
แต่นับจากวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมาไปอีก 3 เดือนข้างหน้ายอดเทรดหุ้นของต่างชาติจะเป็นการ “ซื้อสุทธิ” อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นการฟันธงมาจากกลุ่มนักวิเคราะห์
หากสถานการณ์ของฟันด์โฟลว์เป็นไปตามที่คาดการณ์แบบนี้
ทำให้เกิดความมั่นใจว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะไม่ถอยกลับไปเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,300 จุดอีก
หรืออาจจะมีบางช่วงที่ลงมาต่ำกว่าได้
แต่ก็จะอยู่ระหว่าง 1,300 จุด บวก/ลบ ไม่เกินไปจากนี้
เมื่อถามว่า หากดัชนีจะลงไปแช่บริเวณ 1,200 จุด อีกครั้ง น่าจะมาจากปัจจัยอะไร
คำตอบคือ การเกิดความรุนแรงแบบ “มาก ๆ” หรือมีเหตุการณ์ที่พลิกผันแบบอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ และเท่าที่ประเมินดูแล้ว ไม่น่าจะมีอะไร หรือมีเรื่องอะไรที่จะนำไปสู่เหตุการณ์แบบนั้น
หรือมีเปอร์เซ็นต์ (เสี่ยง) ที่ค่อนข่างต่ำมาก
ส่วนคำแนะนำเกี่ยวกับการเล่นหุ้นในขณะนี้
ส่วนใหญ่ให้หันไปเล่นหุ้น Global play หรือที่อิงกับต่างประเทศ
เพราะตลาดหุ้นไทยอิงกับปัจจัย (บวก/ลบ) จากต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนปัจจัยภายในประเทศ เช่น การชุมนุมทางการเมือง ไม่ใช่ปัจจัย (ลบ) หลักต่อตลาดหุ้นไทย
ขณะที่ในกลุ่ม Domestic play ก็ยังสามารถเล่นได้
ซึ่งก็จะต้องดูหุ้นที่มีโมเมนตัม หรือมีแนวโน้มเติบโตที่น่าสนใจจริง ๆ ดูกันเป็นตัว ๆ (หุ้น) ไป
มีคำเตือนจากนักวิเคราะห์ด้วย
“อย่ากลัวที่จะตกขบวน”
เพราะการตกขบวนยังดีกว่าขาดทุนหรือไปติดที่ยอดดอย
จึงต้องรอช่วงที่ดัชนีหรือหุ้นที่เล็งไว้ มีราคาย่อตัวลงมา
หรือหากจะตามหุ้นที่ต่างชาติไล่เก็บ ก็ต้องเข้าเร็วออกเร็ว เพราะมีโอกาสที่จะถูกขายทำกำไรระยะสั้น (ออกมาบ้าง)
หุ้นที่วิ่งขึ้นมาเร็วเกินไป (8 วัน ประมาณ 140 จุด คิดเป็น +12%)
ก็มีโอกาสลงไปเร็วได้เช่นกัน