MINT-AWC ความเหมือนที่แตกต่าง

การออกอาละวาดของโควิด สร้างบาดแผลเรื้อรังต่อเศรษฐกิจโลก เห็นได้จากกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบหนัก ซึ่งถ้ามองบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นได้ชัดสุดหนีไม่พ้นกรณีบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT และอีกหุ้นเป็น บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ที่เจ็บหนักด้วยกันทั้งคู่...


สำนักข่าวรัชดา

การออกอาละวาดของโควิด สร้างบาดแผลเรื้อรังต่อเศรษฐกิจโลก เห็นได้จากกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบหนัก ซึ่งถ้ามองบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นได้ชัดสุดหนีไม่พ้นกรณีบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT และอีกหุ้นเป็น บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ที่เจ็บหนักด้วยกันทั้งคู่…

ความเหมือนของทั้งคู่…อย่างแรก มีรายได้หลักจากอสังหาฯ ที่เป็น Recurring Income เหมือนกัน โดยโครงสร้างรายได้ของ MINT 9 เดือนแรก แบ่งเป็นธุรกิจโรงแรม 60% ธุรกิจร้านอาหาร 34% ธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิต 6% ส่วน AWC รายได้ 9 เดือนแรก แบ่งเป็นธุรกิจโรงแรม 46% ธุรกิจสำนักงาน 38% และธุรกิจศูนย์การค้า 16%

และอย่างที่สอง ได้รับผลกระทบจากโควิดเหมือนกัน…

ส่งผลให้ MINT งบไตรมาส 3/2563 พลิกมาขาดทุน 5,600 ล้านบาท จากเดิมเคยมีกำไรสูงถึง 4,560 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนแรก มีตัวเลขขาดทุนปาไป 15,816 ล้านบาท จากเดิมมีกำไรสุทธิ 6,929 ล้านบาท

ฟาก AWC งบไตรมาส 3/2563 พลิกมาขาดทุน 620 ล้านบาท จากเดิมมีกำไร 185 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนแรก ขาดทุนไปแล้ว 1,389 ล้านบาท จากเดิมมีกำไร 517 ล้านบาท

ดูไม่จืดด้วยกันทั้งคู่…

ส่วนความแตกต่าง…กรณี MINT ก่อนเกิดวิกฤติโควิดไปลงทุนก้อนใหญ่ ถือเป็นครั้งใหญ่สุดของกลุ่มไมเนอร์ฯ ด้วยการไปซื้อ NH Hotel Group, S.A. (NHH) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาดริด ใช้เงินไปเกือบแสนล้านบาท เพื่อคาดหวังโอกาสในการไปตลาดต่างประเทศ สร้างเครือข่ายให้ครอบคลุมทั่วโลก แต่ก็มาพร้อมหนี้ก้อนโต และภาระทางการเงินที่สูงลิบลิ่ว

พอโควิดมาเลยกระทบหนัก แน่นอนการขยายธุรกิจต้องหยุดชะงักไปทันที เพราะเมื่อมีการล็อกดาวน์ทั่วโลก เท่ากับว่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกสตั๊ฟไว้ ทำให้ NHH ก็ต้องหยุดกิจการทันที กระทบชิ่งมาถึง MINT ที่ไม่สามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้…

เลยเป็นที่มาของการออกหุ้นกู้ล็อตใหญ่ เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง

แต่ต้องจับตาดูผลประกอบการหลังจากนี้จะกลับมาได้เมื่อไหร่..? ตัวแปรหลักคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิดว่าจะคลี่คลายลากนานแค่ไหน..? ยิ่งจบเร็ว โอกาสที่ MINT จะฟื้นตัวก็เร็วตามไปด้วย…

ส่วนกรณี AWC ก่อนเกิดวิกฤติมีการระดมทุนได้เงินไปราว 48,000 ล้านบาท พอโควิดออกอาละวาด ได้รับผลกระทบทำให้รายได้หายไป…แต่การที่ AWC ได้เงินจากการระดมทุนมาก้อนใหญ่ ทำให้สามารถประคองสถานการณ์ได้ การกลับมาจะฟื้นได้เร็ว

เห็นได้ชัดในช่วงวิกฤติ AWC ใช้จังหวะนี้ไปซื้อของดีราคาถูก (โรงแรมต่าง ๆ) เข้ามาเติมในพอร์ต ขณะเดียวกันก็ใช้เงินบางส่วนปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อรองรับการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมหลังพ้นโควิด

ซึ่ง AWC จะได้เปรียบกว่า MINT ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีกว่า เนื่องจากมีเงินหน้าตักหนากว่านั่นเอง…

ก็เห็นแล้วว่า MINT กับ AWC มีทั้งความเหมือนและความต่างอยู่ในตัว…แต่ถ้าถามว่าใครดีกว่ากันนั้น คงตอบยาก อยู่ที่นักลงทุนใคร่จะซื้อหุ้นตัวไหนก็ซื้อ…ส่วนใครใคร่จะขายหุ้นตัวไหนก็ขาย…

เลือกที่สบายใจละกัน…

…อิ อิ อิ…

Back to top button