พาราสาวะถี
หากความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาจะเป็นเรื่องแปลก จึงไม่ได้เหนือความคาดหมายที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนของไอลอว์จะถูกตีตก เมื่อมีขบวนการบ่อนทำลาย ลดความน่าเชื่อถือตั้งแต่ร่างยังไม่ได้ถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมแล้วเช่นนี้มันจะมีทางได้รับการโหวตผ่านอย่างไร แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่พรรคเพื่อไทยซึ่งก่อนหน้านั้นสงวนท่าที ท้ายที่สุดก็มีมติรับหลักการร่างของไอลอว์ก็เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ประชาชนเสนอนั้นไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยแต่ประการใด
อรชุน
หากความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาจะเป็นเรื่องแปลก จึงไม่ได้เหนือความคาดหมายที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนของไอลอว์จะถูกตีตก เมื่อมีขบวนการบ่อนทำลาย ลดความน่าเชื่อถือตั้งแต่ร่างยังไม่ได้ถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมแล้วเช่นนี้มันจะมีทางได้รับการโหวตผ่านอย่างไร แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่พรรคเพื่อไทยซึ่งก่อนหน้านั้นสงวนท่าที ท้ายที่สุดก็มีมติรับหลักการร่างของไอลอว์ก็เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ประชาชนเสนอนั้นไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยแต่ประการใด
เช่นเดียวกับความเห็นของ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่แม้จะเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยร่างของไอลอว์ไม่ผ่านการลงมติของที่ประชุมรัฐสภาแน่ แต่ก็มองการเสนอของไอลอว์ด้วยใจที่เป็นธรรมว่า การเสนอความเห็นเรื่องกฎหมายภาคประชาชนสามารถทำได้ และควรรับฟัง ที่สำคัญคือ กรณีการยกเลิกไม่ให้ส.ว.โหวตนายกรัฐมนตรี ที่ผู้เสนอระบุว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ คำถามก็คือ จะเอาเหตุผลไหนที่จะไปคัดค้านประเด็นนี้ เพียงแต่รูปแบบการอธิบายของไอลอว์ไม่ดี ไม่ชัด ทำให้คนส่วนหนึ่งกลัวเท่านั้นเอง
ไม่ต่างจากกรณีประเด็นที่ถูกโจมตีว่าร่างของไอลอว์ไม่เว้นการแก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่ง จอน อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการไอลอว์ก็ชี้แจงในที่ประชุมรัฐสภาไว้อย่างตรงไปตรงมาว่า ไม่ห้ามแก้ไข แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปแก้ไข เพราะความจริงสิ่งที่ดีอยู่แล้วย่อมไม่มีใครที่จะไปแตะ แต่หากบางเรื่องพบว่ามีข้อบกพร่องก็ต้องทำให้เรียบร้อย สอดคล้องกับสิ่งที่นิพิฏฐ์พูดถึงประเด็นนี้
โดยนิพิฏฐ์มองว่า ปมการเปลี่ยนแปลงรูปแบบสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือยกเลิกองค์กรอิสระ สมาชิกรัฐสภาสามารถปรับเรื่องเหล่านี้หลังรับหลักการไปแล้วได้ โดยเปรียบเทียบให้เห็นชัดว่า สามารถทำให้ท่อนซุงนั้นให้กลายเป็นไม้จิ้มฟันได้ในพริบตา ซึ่งในมุมของรองหัวหน้าพรรคเก่าแก่มองว่า ไม่ควรปฏิเสธความต้องการของประชาชนเจ้าของประเทศ ส่วนวิธีการรับทำได้หลายรูปแบบ ทั้งแยกรับเดี่ยว ๆ หรือ จัดกลุ่มในการรับ
ทว่านั่นก็เป็นเพียงแค่ความเห็นเท่านั้น ในเมื่อฝ่ายกุมอำนาจได้ตั้งธงกันไว้เช่นนี้แล้ว เหมือนอย่างกรณีการกล่าวหาว่าไอลอว์รับเงินต่างชาติ จนในที่ประชุมรัฐสภา จีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บไซต์ประชาไท ในฐานะผู้ริเริ่มเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ต้องออกมากระตุกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคนที่กล่าวหาว่า ที่ผ่านมาองค์กรพัฒนาสังคมต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องรับทุนต่างชาติเลย ถ้าองค์กรรัฐ หรือกองทุนที่จัดตั้งโดยรัฐจำนวนมาก มีความเป็นอิสระ และใจกว้างเพียงพอที่จะอนุมัติงบประมาณให้กับองค์กรที่ทำงานในสิ่งที่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์รัฐ
สิ่งที่เป็นเหมือนการตบปากพวกปากพล่อยทั้งหลาย คงเป็นกรณีที่ระบุว่า เมื่อต้องการทำงานในสิ่งที่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์และตรวจสอบการทำงานของรัฐ จึงต้องแสวงหาแหล่งที่พร้อมสนับสนุน และยืนยันว่า กระบวนการรับทุนของไอลอว์เป็นไปโดยโปร่งใส่ ไม่ใช่ได้มาด้วยการงุบงิบและปิดซ่อน ฉะนั้นข้อกล่าวว่า รับทุนต่างชาติเปิดโอกาสให้ต่างชาติมาแทรกแซงเป็นข้อกล่าวหาที่เกินจริง และเกินเลยไปมาก ที่สำคัญยังเป็นการพยายามบั่นทอนความจริงด้วย
ความจริงที่พยายามใส่ร้ายและบิดเบือนกันมาโดยตลอดก็คือ การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญของไอลอว์ครั้งนี้เป็นความต้องการของประชาชนที่ร่วมลงชื่อเกือบ 1 แสนราย โดยไม่มีแหล่งทุนหรือต่างชาติที่ไหนมาบงการ แต่เชื่อได้เลยว่าวาทกรรมและกระบวนการผลิตซ้ำทางความคิดของฝ่ายกุมอำนาจและเครือข่ายเผด็จการสืบทอดอำนาจ ไม่มีทางที่จะหยุดใส่ร้ายป้ายสีองค์กรภาคประชาชนอย่างแน่นอน เพราะคนเหล่านี้คือพวกที่ทำให้คนทั่วไปตาสว่างและมองเห็นพฤติกรรมฉ้อฉลของพวกอยู่ในอำนาจนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะผ่านกระบวนการของรัฐสภาไปแล้ว โดยมีสองร่างของพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านผ่านความเห็นชอบไป แต่ก็ยังไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะราบรื่น เรียบร้อย เพราะยังมีเรื่องของการยื่นตีความต่อศาลรัฐธรรมนูญรออยู่ ที่ปลายทางไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะจบลงแบบไหน ทว่าในส่วนภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวในนามคณะราษฎรหลังจากถูกกระทำอย่างเลือกปฏิบัติ ดูเหมือนว่ายิ่งจะทำให้สถานการณ์หนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม
วันนี้ไม่ต้องถามแล้วว่ามีการใช้กระสุนจริงสาดเข้าใส่แนวหน้าหรือการ์ดอาสาของคณะราษฎรหรือไม่ หลักฐานทุกอย่างมันทนโท่ จึงอยู่ที่ว่าตำรวจจะสามารถติดตามจับกุมคนก่อเหตุมาดำเนินคดีได้หรือไม่ แล้วมีการปล่อยให้ผู้ชุมนุมอีกฝ่ายพกพาอาวุธมาได้อย่างไร ลำพังการเลือกปฏิบัติต่อการใช้กำลังในการจัดการกลุ่มผู้ชุมนุมก็ว่าทุเรศแล้ว ยังมีประเด็นนี้พ่วงเข้ามาอีก ต้องคอยดูน้ำยาว่าผู้นำองค์กรสีกากีจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเป็นธรรมหรือไม่
ยิ่งมีข่าวว่ามือปืนที่ก่อเหตุเป็นเด็กในคาถาของรัฐมนตรีบางรายที่ใกล้ชิดกับหนึ่งในแก๊งผู้นำรัฐบาล ยิ่งเป็นโจทย์สำคัญต่อผู้ผดุงความยุติธรรมว่าจะจัดการกันอย่างไรไม่ให้เกิดภาวะลูบหน้าปะจมูก ขณะที่หัวหน้าพรรคสืบทอดอำนาจก็อย่าเอาแต่ท่องคาถา ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่เป็นไร โดยปล่อยให้ส.ส.ปากมอมในสังกัดออกมาเห่าหอนให้ร้ายฝ่ายผู้ชุมนุม ระวังจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะพวกที่พูดสมองน้อยไม่ได้คิดอะไร แต่คนที่จะรับผิดชอบนั้นมีเดิมพันทางการเมืองสูงต่างกันลิบลับ
ภาพของการชุมนุมที่แยกราชประสงค์วันวาน น่าจะเป็นตัวบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่า พลังของคนหนุ่มสาวและแนวร่วมที่นับวันจะแข็งแรงขึ้นนั้น ไม่มีวันที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและลิ่วล้อสอพลอทั้งหลายจะบ่อนทำลายได้ เมื่อประชาชนตื่นรู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ที่ตื่นด้วยการรู้แจ้งเห็นจริง สิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยข้อมูลอันเป็นเครื่องยืนยันได้ ไม่ใช่การโฆษณาชวนเชื่อหรือปฏิบัติการไอโอ นั่นย่อมหมายถึงพลังที่เข้มแข็ง ผิดกับฝ่ายกุมอำนาจยิ่งนานวันยิ่งเข้าสู่ภาวะเสื่อม หากไม่ตัดสินใจเสียสละในวันนี้แทนที่จะได้กลับบ้านอย่างสง่างาม สุดท้ายอาจจะกลายเป็นทรราชย่ำรอยผู้นำเผด็จการในอดีตได้