แพะที่เซี่ยงไฮ้พลวัต2015
เมื่อวานนี้ ทางการจีน ได้ประกาศข่าวการจับกุมผู้ที่มีส่วนร่วมกับการสร้างราคาและการฉ้อฉลในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้หลายราย ซึ่งมีลักษณะเป็นขบวนการในปฏิบัติการปั่นหุ้น และทุบหุ้น
เมื่อวานนี้ ทางการจีน ได้ประกาศข่าวการจับกุมผู้ที่มีส่วนร่วมกับการสร้างราคาและการฉ้อฉลในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้หลายราย ซึ่งมีลักษณะเป็นขบวนการในปฏิบัติการปั่นหุ้น และทุบหุ้น
ในจำนวนคนที่ถูกจับกุม มีความน่าสนใจ เพราะประกอบด้วย ผู้สื่อข่าว และพนักงานหน่วยงานกำกับดูแลหรือ ก.ล.ต. จีน ในการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน
ข่าวระบุถึง นายหวัง เสี่ยว หลู นักข่าวจากนิตยสารไคจิง ได้ถูกจับกุมตัวด้วยข้อหาว่า สมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่นในสร้างข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดฟิวเจอร์ส โดยนายหวังสารภาพว่า เขาได้เขียนรายงานข่าวเท็จเกี่ยวกับตลาดหุ้นจีนจากคำบอกเล่า และการคาดเดาของตนเองโดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูล
นอกจากนี้ นายหวังยังยอมรับว่า ข้อมูลเท็จดังกล่าวทำให้เกิดความตื่นตระหนกและความไร้ระเบียบในตลาดหุ้น ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาด และทำให้ประเทศและนักลงทุนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
พิจารณาข้อกล่าวหา และคำสารภาพของผู้สื่อข่าวรายนี้แล้ว ค่อนข้างประหลาดใจ เพราะถ้าหากนักข่าวคนเดียว เขียนข่าวแบบ “นั่งเทียน” แล้วทำให้ตลาดปั่นป่วนไร้ระเบียบ แล้วก็เท่ากับว่า อิทธิพลของนักข่าวคนดังกล่าวสูงอย่างมาก และคนที่มีอิทธิพลสูงต่อตลาดอย่างมากนี้ สามารถทำได้อย่างไร ในเมื่ออย่างที่รู้กันดีว่า ระบบการเมืองของจีนนั้น เปิดโอกาสให้กับเสรีภาพของสื่อต่ำมาก หรืออาจจะต่ำที่สุดที่หนึ่งในโลกนี้
การลอยนวลจนสามารถสร้างวีรกรรมร่วมปั่นหุ้นของนายหวัง จึงค่อนข้างแปลก เพราะมันสะท้อนความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการทำงานของสื่อมวลชนจีนที่ผิดปกติ
ส่วนเจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. จีนนั้นยิ่งน่ากังขามากกว่าเห็นพ้องด้วย เพราะนายหลิว ชู ฟาน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในก.ล.ต.ของจีน (ที่ไม่ระบุตำแหน่งหรือระดับการทำงาน) ถูกตั้งข้อหาเผยแพร่ข้อมูลวงในเพื่อเอื้อประโยชน์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ (insider dealing) รับสินบน และปลอมแปลงตราประทับของทางการ
นายหลิวรับสารภาพตลอดข้อหา ในระหว่างการสอบสวนว่า เขาได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อช่วยให้หลักทรัพย์ของบริษัทมหาชนแห่งหนึ่งได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ และทำให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้น เพื่อรับผลตอบแทนจากประธานของบริษัทเป็นมูลค่าหลายล้านหยวน
ข้อกล่าวหา และคำสารภาพ ทำให้มีคำถามว่า ตำแหน่งงานของนายหลิวนั้นใหญ่โตอย่างมาก เพราะมีทั้งการกำหนดให้รับบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดเพื่อระดมทุน และยังสามารถเข้าถึงข้อมูลวงในของบริษัทดังกล่าว จนเอามาหาผลประโยชน์ได้ทั้งราคาหุ้น และจากการช่วยสร้างราคาหุ้นของบริษัท โดยรับสินบนตอบแทนจากประธานบริษัทจดทะเบียนดังกล่าว
คนที่บริหารงานใน ก.ล.ต.ที่มีอิทธิพลมากมายขนาดนั้น เข้ามาทำงานในหน่วยงานสำคัญอย่าง ก.ล.ต. จีนได้อย่างไร ทั้งที่ว่าไปแล้วหน่วยงานดังกล่าว มักจะมีกระบวนการทำงานที่แบ่งสัดส่วนชัดเจนด้วยระบบรักษากลไกความลับเข้มงวด
ยิ่งไปกว่านั้น คำรับสารภาพต่อไปยังน่าสงสัยหนักขึ้น เพราะนายหลิวยังรับสารภาพว่า ได้ใช้ข้อมูลภายในจากบริษัทดังกล่าวและบริษัทอื่นๆ ในการซื้อขายซึ่งส่งผลให้เขาทำกำไรอย่างผิดกฎหมายได้อีกหลายล้านหยวน แต่การที่เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. ซื้อขายหุ้นด้วยตัวเอง หรือผ่านนอมินี ได้อย่างไร โดยไม่ผ่านระบวนการตรวจสอบภายในขององค์กรมายาวนาน ก่อนจะถูกจับกุม เป็นคำปริศนาใหญ่ทีเดียว
คนทั้งสอง ถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูง 3 คน ของบริษัทหลักทรัพย์ ซิติค ซิเคียวริตี้ส์ ของรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ชั้นนำของจีน ในส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายใน แล้วก็คนทั้งสามสารภาพว่า ได้ทำความผิดตามข้อกล่าวหาทุกประการ
ข้อกล่าวหาเรื่องดังกล่าว เป็นมาตรการล่าสุดที่นำมาใช้สร้างเสถียรภาพของตลาดหุ้น แต่คำถามก็คือ เป็นการสร้างข้อกล่าวหาขึ้นมา โดยมีใครบางคนเป็นเหยื่อ หรือ “แพะรับบาป” ของการปั่นราคาหุ้นในตลาดที่ไร้การกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพกันแน่ หลังจากที่มีความพยายามใช้มาตรการในการแทรกแซงสารพัดมากกว่า 10 มาตรการ เพื่อที่จะหยุดยั้งการล่มสลายของดัชนีตลาด ที่ร่วงลงมาแรงสุดจากระดับเหนือ 5,000 จุดเมื่อต้นเดือนมิถุนายน มาถึงระดับต่ำกว่า 3,300 จุดในยามนี้
คำตอบยังไม่ชัดเจน แต่ก็ชวนให้สงสัย เพราะเป็นที่ทราบกันว่า ท่าทีของทางการจีนนั้น ตลาดหุ้นเป็นส่วนหนึ่งของภาพลักษณ์ทางการเมือง และความสามารถในการขับเคลื่อนกลไกเศรษฐกิจ
ผู้บริหาร ก.ล.ต.จีน ซึ่งทำหน้าที่ออกแบบ และกำกับดูแลความปกติของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ในปัจจุบัน ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับการรักษาดัชนีขาขึ้นของตลาด ในยามที่เศรษฐกิจจีนมีการปรับสมดุลใหม่อย่างมีนัยสำคัญ หากวันใด ตลาดหุ้นเป็นขาลง คนเหล่านั้นก็จะตกเป็นมากกว่าแค่จำเลยสังคม เพราะมีโอกาสกลายเป็นแพะทางการเมืองง่ายดายมาก สำหรับความล้มเหลวในการรักษาโมเมนตัมขาขึ้นของตลาดต่อไปได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ เป้าหมายของการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดทุนของประเทศ ในฐานะแหล่งระดมทุนตามปรัชญาทุนนิยมตะวันตก จึงไม่สามารถเอามาปรับใช้กับ ก.ล.ต.จีนได้อย่างแนบแน่น
คน 3 วิชาชีพที่ในยามปกติของกระบวนการทำงานแล้ว จะไม่สามารถมาพบปะกันได้อย่าง ผู้บริหารโบรกเกอร์ ผู้สื่อข่าว และเจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. ไม่สามารถทำงานแบบสมคบคิดกันได้แบบ “ชั่วรวมหมู่” หรือ “ฝนตกขี้หมูไหล” ได้ เป็นกรณีศึกษาด้านมืดของตลาดหุ้นจีนว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไมถึงเพิ่งมาพบความผิดปกติเมื่อหุ้นตกหนัก ทั้งที่ควรจะเกิดขึ้นเมื่อตลาดหุ้นขึ้นแรงมากกว่า
ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่หากไม่มีความชัดเจน นักลงทุนต่างชาติคงจะต้องหลีกเลี่ยงตลาดหุ้นจีนอย่างเซี่ยงไฮ้ให้ไกลกันเลยนานหลายปีทีเดียว