รอจังหวะ ?
*ถ้าให้ “โมนิก้า” วิเคราะห์ข้อมูลแบบ “ล้วงลับตับแตก” ความคิดของนักวิเคราะห์ซีกหัวอนุรักษนิยมจะพบว่า ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ทำกำไร หลังจากนั้นให้รอจังหวะเข้าซื้อรอบใหม่ เพราะการซื้อหุ้นเก็งกำไรในระดับราคานี้ “ผลตอบแทนไม่คุ้มกับความเสี่ยง” และเหตุผลดังกล่าวก็นำไปสู่ความคิดที่ว่า หนทางที่ดีที่สุดในการลงทุนระยะกลางก็คือ “ถือเงินสด 30%” พะยะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ถ้าให้ “โมนิก้า” วิเคราะห์ข้อมูลแบบ “ล้วงลับตับแตก” ความคิดของนักวิเคราะห์ซีกหัวอนุรักษนิยมจะพบว่า ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ทำกำไร หลังจากนั้นให้รอจังหวะเข้าซื้อรอบใหม่ เพราะการซื้อหุ้นเก็งกำไรในระดับราคานี้ “ผลตอบแทนไม่คุ้มกับความเสี่ยง” และเหตุผลดังกล่าวก็นำไปสู่ความคิดที่ว่า หนทางที่ดีที่สุดในการลงทุนระยะกลางก็คือ “ถือเงินสด 30%” พะยะค่ะ
*โดยประเด็นที่อยู่ในความสนใจของ “โมนิก้า” มากที่สุดเวลานี้ก็คือ มีการแนะนำให้ขาประจำเริ่มปรับเพิ่มพอร์ตลงทุน หากดัชนียังสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,350 จุด เพราะบริเวณจุดสัมผัสดังกล่าวมักจะมีผลทางจิตวิทยาการลงทุนเป็นประจำ จึงสามารถเข้าซื้อหุ้นบางส่วนเพื่อไว้เล่นรอบ ในทางกลับกันหากดัชนีปรับลดลงต่ำกว่า 1,350 จุด ก็ควรรอให้การปรับฐานเสร็จสิ้นเสียก่อน และไม่ต้องเร่งรีบสะสมหุ้นเจ้าค่ะ
*เดี๊ยนนำเรื่องดังกล่าวมาบอกเล่าเพื่อให้นักลงทุนเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันจะได้มีเวลาคิดนิดหนึ่งว่า แท็กติกที่จะนำมาใช้ในรอบนี้ ควรเน้นรูปแบบไหนเป็นหลัก ! เพราะสภาพการลงทุนในแต่ละวันเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เลย แถมข้อมูลที่พูดกันปากเปียกปากแฉะก็เป็นเรื่องเดิม ๆ ที่พูดกันมานานหลายสัปดาห์ จึงไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไรเพิ่มเติมพะยะค่ะ
*เหมือนกับการไล่ซื้อหุ้น SCB ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ล้วนมาจากความคาดหวังเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และปัญหาหนี้เสียกำลังได้รับการแก้ไขไปทีละเปลาะ ซึ่งจะทำให้แบงก์สีม่วงกลับมาทำกำไรอย่างแข็งแกร่งในปีหน้า วานนี้ถึงเห็นการไล่ราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ 84.25 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 2.12% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.89 พันล้านบาท ซึ่งเปิดโอกาสให้หุ้นวิ่งกลับไปยืนแถว 92 บาทอีกรอบนะคะ
*ส่วนในรายของน้อง BAM อาจเป็นกรณียกเว้นสำหรับการวิ่งยาว ๆ เพราะทันทีที่ผลงานไตรมาส 3 ออกมาแย่สุด ๆ ก็ทำให้คนอ่านงบดูออกทันทีว่า กำไรที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตจะมาจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีล้วน ๆ ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานจริง ๆ โผล่มาแค่ตึ๊งเดียว “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการขึ้นมาปิดที่ 21.30 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 2.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.11 พันล้านบาท น่าเล่นจริงเหรอ ?
*เหมือนกับอาการตื้อ ๆ ตัน ๆ ที่เกิดขึ้นกับ CPALL กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้รู้มองการเล่นเที่ยวนี้คงไม่ต่างไปจากก่อนหน้านี้ (ขึ้นแล้วลง) และเมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐาน ยิ่งทำให้ทุกคนปักใจเชื่อเช่นนั้นมากขึ้น หลังเห็นค่า P/E 31 เท่าโชว์หรามาแต่ไกล มันเลยทำให้ราคาลงมาปิดที่ 62.25 บาท ลบไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.58% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.49 พันล้านบาท เพราะราคาที่ผ่านมามันดูสูงเกินไปจริง ๆ หรือใครจะเถียงว่าไม่จริง ก็ยกมือคัดค้านได้เจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ AAV ก่อนหน้านี้อาจเป็นหุ้นที่ใคร ๆ รู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง (เลยไล่ราคาจากจุดต่ำสุด 1.40 บาทอย่างเมามัน) แต่อย่าลืมว่า การฟื้นตัวของธุรกิจสายการบินคงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ และการขึ้นมายืนปิดที่ 1.92 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 3.23% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 129.47 ล้านบาท น่าจะเป็นจุดที่พอควรแล้ว ! จึงต้องระวังอาการแผ่วปลายจะเกิดขึ้นหลังจากนี้นะคะ
*ส่วนรายที่มีชีวิตชีวาค่อนข้างชัดเจน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น PTTGC เพื่อชี้ให้เห็นกำไรไตรมาส 3 ช่วยปลุกความหวังขึ้นมาได้เยอะ แถมเมื่อมองไปถึง BV ที่ระดับ 61 บาท ย่อมเข้าใจเหตุผลที่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิด 53.75 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 3.86% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.11 พันล้านบาทได้เป็นอย่างดี และยังทำให้เชื่อว่า หุ้นจะขยับขึ้นไปหาตรงนั้นอย่างแน่นอน..แมงลือว่าไว้อย่างนั้น!..อิอิอิ
*เม้าท์ถึงตรงนี้ทำให้เดี๊ยนต้องเหลือบมอง SABUY หลังตีตื้นจากจุดต่ำสุดบริเวณ 1.80 บาท ขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 2.04 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 4.08% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 354.68 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจุดที่ทำให้สังคมแมงลือเม้าท์กันให้แซ่ดว่า เฮีย ช. สามารถคุมเกมทั้งหมดได้แล้ว จึงไม่ต้องกลัวโดนทุบจากพวกไม่หวังดี และเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่บรรดาขาลุยไม่ควรมองข้ามพะยะค่ะ