หนีหุ้นกลาง / เล็ก
นักลงทุนต่างประเทศ และกองทุนกำลังออนทัวร์ตลาดหุ้นไทย
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
นักลงทุนต่างประเทศ และกองทุนกำลังออนทัวร์ตลาดหุ้นไทย
แน่นอนล่ะว่า นักลงทุนสองกลุ่มนี้จะโฟกัสไปยังหุ้นในกลุ่มเซต100 และ เซต50 เป็นหลัก พร้อมกับให้น้ำหนักกับหุ้นใน “กลุ่มพลังงาน” กับ “ธนาคาร” มากเป็นพิเศษ
การเข้ามาไล่ซื้อหุ้นขนาดใหญ่
ทำให้นับจากต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวานนี้ (23 พ.ย.) ดันดัชนีวิ่งขึ้นมาแล้ว 18-19%
หุ้นบิ๊กแคป หรือขนาดใหญ่ที่วิ่งขึ้นมากันต่อเนื่อง
ทำให้หุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่เคยได้รับความนิยมในช่วงดัชนีลงไปแกว่งบริเวณ 1,200 จุด กลับซบเซา
นักลงทุนที่มีหุ้นเหล่านี้อยู่ในพอร์ต พากันนั่งตบยุงเปาะแปะ เพราะราคาไม่ไปไหน
จะลงก็ไม่ลง (หรือลงนิดหน่อย) จะขึ้นก็ไม่ขึ้น (หรือขึ้น 1-2 ช่อง)
หุ้นหลายตัวที่เคยมีวอลุ่มคึกคัก ยอดเทรดต่อวันนับร้อยล้านบาท
ลงมาเหลือเพียงไม่กี่สิบล้านบาท
สถานการณ์แบบนี้ เสมือนบีบให้รายย่อย ต้องทิ้งหุ้นขนาดกลางและเล็ก แล้วหันไปวิ่งไล่ตามหุ้นบิ๊กแคปกัน เพราะมีลุ้นมากกว่า ไม่น่าเบื่อ ดีกว่ามานั่งตบยุง อมหุ้นเล็ก ๆ กันอยู่
แถมยังมานั่งเกี่ยงกันระหว่างฝั่ง Bid กับ Offer อีก
ทว่า การที่ดัชนีวิ่งขึ้นมารวดเร็ว
และหุ้นขนาดใหญ่วิ่งขึ้นมาแบบสนุกสนาน
ผ่านมาถึงวานนี้ เริ่มมีคำเตือนออกมาแล้วว่า ให้ระวังการ “ปรับฐาน”
เพราะหุ้นที่วิ่งขึ้นมา แม้จะมีปัจจัยบวกหนุนอยู่จากเรื่องวัคซีนโควิด-19 ที่คาดว่าจะเริ่มนำมาใช้ในปี 2564
แต่ผลบวกที่หุ้นเหล่านั้นจะได้รับประโยชน์ ยังไม่ได้ตอบรับเสียทีเดียว
หุ้นบางตัวอาจใช้เวลา 1-2 ปีในการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด
จึงมีคำแนะนำให้เล่นหุ้น (บิ๊กแคป) แบบเข้าเร็วออกเร็ว หรือเก็งกำไรระยะสั้น ไม่ควรถือยาวเกินไป
ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ มีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1,400 จุด
และมีแนวรับ 1,400 จุด
นักวิเคราะห์มองว่า ประเมินค่อนข้างยากหากดัชนีจะปรับฐาน แล้วจะลงไปตรงจุดไหน เพราะต้องขึ้นอยู่กับต่างชาติและกองทุนว่า จะขายออกมาจำนวนมากหรือไม่
แนวรับ แนวต้านที่ให้ไว้ จึงเป็นเพียงแค่กรอบอ้างอิงเท่านั้น
ดัชนีอาจวิ่งเกินแนวต้าน หรือหลุดแนวรับดังกล่าวก็ได้
การปรับฐานด้วยการขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ที่วิ่งขึ้นมาแรง
ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า เมื่อหุ้นใหญ่ปรับฐานลงมา จะทำให้หุ้นขนาดกลางและเล็ก กลับมาอยู่ในความสนใจของนักลงทุนอีกครั้ง
โดยเฉพาะหุ้นที่ราคาในช่วงหุ้นใหญ่วิ่งขึ้นไป แต่หุ้นกลางเล็ก เหล่านั้น ไม่ได้ปรับลง
หุ้นเหล่านี้จะกลับมาอยู่ในเป้าหมาย จากพื้นฐานที่ยังดี และมีโมเมนตัมเชิงบวกจากผลประกอบการงวดไตรมาส 4/63 ถึง ปี 2564 ที่จะออกมาเติบโตต่อเนื่อง
ถามว่า เมื่อดัชนีปรับฐาน
แล้วมีโอกาสที่จะกลับขึ้นมาอีกได้หรือเปล่า
บทวิเคราะห์ของ บล.บัวหลวง บอกว่า มีโอกาส และหุ้นไทยน่าจะวิ่งขึ้นต่อเนื่องไปได้ถึงสิ้นปี จากปัจจัยเรื่องแนวโน้มผลประกอบการของ บจ.ไตรมาส 4 ที่คาดว่าจะออกมาดีกว่าไตรมาส 3
ส่วนปัจจัยสุ่มเสี่ยงระหว่างทาง
เช่น “โดนัลด์ ทรัมป์” เดินหน้าฟ้องศาลสูงสุดประท้วงการเลือกตั้งสหรัฐฯ
การชุมนุมทางการเมืองในประเทศ
แต่บล.บัวหลวงเชื่อว่า ปัจจัยนอกเหนือการควบคุมเหล่านี้ จะยัง “ไม่มีน้ำหนัก” พอที่จะกดดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับฐานรุนแรง
ดังนั้นคงยืนกลยุทธ์ “ย่อซื้อ” ต่อไป
ทำให้สถานการณ์ตลาดหุ้นนับต่อจากนี้ คือ เมื่อดัชนีวิ่งขึ้น ก็ต้องไล่ตามหุ้นใหญ่
แต่พอปรับฐาน ก็ต้องหนีให้ทัน
แล้ววกกลับ หรือสลับมาเล่นหุ้นกลาง-เล็ก
วนเวียนกันไปแบบนี้แหละ