ต่างชาติคึกจริง ๆ
เมื่อวานนี้ กลุ่มนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกว่า 3,744 ล้านบาท
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
เมื่อวานนี้ กลุ่มนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกว่า 3,744 ล้านบาท
ทำให้นับจากต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา จนถึง 25 พ.ย. กลุ่มต่างชาติซื้อสุทธิไปแล้ว 38,064 ล้านบาท
การซื้อขายเมื่อวานนี้นักวิเคราะห์ต่างประเมินทิศทางตลาดค่อนข้างยาก
เพราะจากปัจจัยชุมนุมทางการเมือง
กลุ่มนักลงทุนสถาบัน หรือกองทุน น่าจะปรับพอร์ตขายหุ้นออกมาก่อนแน่ ๆ
ส่วนรายย่อยก็ประเมินลำบากเช่นกันว่าจะซื้อหรือขาย
แต่ก็แน่นอนแหละว่า ดัชนีจะปิดบวก หรือปิดร่วง จะขึ้นอยู่กับนักลงทุนที่เป็นกองทุนกับต่างชาติเท่านั้น
หากเมื่อวานนี้ กองทุนขาย (เป็นไปตามคาด) แล้วต่างชาติผสมโรงขายออกมาด้วย (และรายย่อยน่าจะเป็นฝั่งซื้อ) หุ้นก็คงปิดร่วงลงตามระเบียบ
ทว่า กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น
กองทุนกับต่างชาติซัดกันตั้งแต่เปิดตลาดภาคเช้า
เริ่มเปิดตลาด ต่างชาติยังทยอยเก็บหุ้นกลุ่มธนาคารเข้าพอร์ต ดันดัชนีขึ้นไปแตะ 1,428 จุด
เป็นจังหวะที่กองทุนพยายามขายหุ้นออกมาเรื่อย ๆ และเข้าใจว่าน่าจะเป็นการปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงการชุมนุมทางการเมืองไว้ก่อน
ก่อนปิดตลาดภาคเที่ยง กองทุนยังขายอย่างหนัก
และต่างชาติน่าจะเพลาการซื้อ
ก่อนที่จะเปิดมาในช่วงภาคบ่าย กองทุนทุบดัชนีร่วงต่อแบบ “ลงลิฟท์” กดดัชนีลงไปหลุด 1,400 จุด หรือลงมาลึกถึง 1,392 จุด ก่อนที่ต่างชาติ จะเปิดเกมไล่ซื้อกลับ
พร้อมดันดัชนีพลิกกลับขึ้นมาแบบรวดเร็ว และขึ้นมาอยู่ในแดนบวกสำเร็จ
ภาคบ่าย กองทุน พอร์ตโบรกฯ และต่างชาติ ชิงไหวชิงพริบกันสนุก
ทำให้ดัชนีเคลื่อนไหวแบบวูบวาบจนถึง 15.30 น.
ต่อจากนั้น ต่างชาติอัดกระสุนเพิ่ม เข้าไล่เก็บหุ้นแบงก์ ทั้ง KBANK และ BBL รวมถึงกลุ่มพลังงาน ดันดัชนีแบบวิ่งขึ้นแบบรวดเดียวจบและมาปิดบวก 14.09 จุด ปิด 1,415.72 จุด
ดัชนีระดับดังกล่าว ถือว่าปิดสูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือน
ส่วนมูลค่าการซื้อขายกว่า 117,120 ล้านบาท นับเป็นครั้งแรกของตลาดหุ้นไทยที่มูลค่าซื้อขายเกินกว่า 1 แสนล้านบาทติดต่อกัน 3 วัน (ทำการ)
ไม่เพียงเท่านั้น การซื้อขายที่มากกว่า 1 แสนล้านบาท (ต่อวัน) ยังเป็นวันที่ 5 ของเดือนพ.ย.นี้ด้วย
นักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ต่างชาติยังจะขนเงินเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงของประเทศไทยต่อเนื่อง
และน่าจะลากยาวไปถึงกลางปี 2564
มีคำถามว่า ต่างชาติให้น้ำหนักเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองหรือไม่
การไล่ซื้อหุ้นไทยในช่วงหลายวันน่าจะเป็นคำตอบแล้วล่ะ
ตราบใดที่ไม่ได้มีความรุนแรง ปะทะดุเดือดเลือดพล่าน เกิดการจราจลต่อเนื่อง ฝรั่งก็คงประเมินแล้วไม่น่าห่วง
มีการวิเคราะห์ว่า ปัญหาการเมืองในปัจจุบันกระทบต่อราคาหุ้นบางส่วนเท่านั้น
กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำเน้นลงทุน “หุ้นขนาดกลาง-เล็ก”
เหตุผลจากแนวโน้มกำไรที่ดีกว่า
และที่สำคัญหุ้นในกลุ่มกลางเล็กส่วนใหญ่นั้นไม่ได้อยู่ในเป้าหมายการ “ลดพอร์ต” ของนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันในประเทศ
ส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะปลอดภัยจากแรงกดดันทางการเมือง คือ 3 อุตสาหกรรมกลุ่มส่งออก
นั่นคือ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร และกลุ่มเกษตร เพราะหุ้นเหล่านี้ไม่อิงกับปัจจัยภายในประเทศ
สิ้นปี 2563 นักวิเคราะห์จากโบรกฯ ต่าง ๆ เริ่มดีดลูกคิดกันใหม่
ให้เป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ไว้ 1,450 จุด
มากสุดอาจขึ้นไปแตะ 1,500 จุด หากต่างชาติยังขนเงินเข้าต่อเนื่อง