สงครามภูมิปัญญา

ม็อบประกาศจะไปกรมทหารราบที่ 1 ถนนวิภาวดี เจ้าหน้าที่ก็ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ขนแบร์ริเออร์ ตู้คอนเทนเนอร์ มาปิดถนน ลวดหนามกั้นสะพานลอย ทำประชาชนเดือดร้อนไปหมด


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

ม็อบประกาศจะไปกรมทหารราบที่ 1 ถนนวิภาวดี เจ้าหน้าที่ก็ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ขนแบร์ริเออร์ ตู้คอนเทนเนอร์ มาปิดถนน ลวดหนามกั้นสะพานลอย ทำประชาชนเดือดร้อนไปหมด

แล้วก็โดนม็อบ “แกง” ตามเคย เปลี่ยนไปกรมทหารราบที่ 11 เพิ่มเลขหนึ่งอีกตัว ความหมายไม่ต่างกัน เพราะกรมทหารทั้งสองแห่งเพิ่งโอนไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562

ไม่ต่างกับตอนม็อบจะไปสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ที่เทเวศร์ ก็ตั้งตู้คอนเทนเนอร์มโหฬาร รถติด ชาวบ้านไม่ได้ทำมาหากิน แล้วก็โดน “แกง” ย้ายไป SCB ไม่ยักสรุปบทเรียน

เป็นกลยุทธ์สุดแยบคาย ไม่ต้องไป ไม่ต้องเสี่ยง ก็ทำให้เป้าหมาย คือสำนักงานทรัพย์สินฯ และกองกำลังในพระองค์ เป็นที่สนใจของสาธารณชน แล้วชงประเด็นขึ้นถกเถียง อย่างที่ไปออกรายการถามตรงกับจอมขวัญ ซึ่งแม้ฝ่ายม็อบเสียเปรียบ เพราะพูดได้แค่ 10 อีกฝ่ายพูดได้เป็นล้าน แต่อย่างน้อยก็เข้าเป้าในแง่ที่ทำให้ประเด็นซึ่งไม่กล้าพูดกัน กลายเป็นดีเบตกลางจอ แล้วคนที่สนใจก็สามารถไปหาข้อมูลเพิ่ม

หรืออย่างน้อยก็เข้าเป้า แบบทวีตจอมขวัญ “เราไม่ได้อยู่ในสังคมที่ทุกคนพูดได้เท่ากัน”

ส่วนที่เกินเป้า คือ ดร.นิด้าชี้แจงเกินไปเป็นล้าน แล้วค้นหาแหล่งอ้างอิงไม่เจอ รายงานประจำปี การเสียภาษี ฯลฯ ทำให้สงสัยว่า คนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมาชี้แจงแทนสำนักงานทรัพย์สินฯ อย่างนี้ ถ้าทำให้เกิดความเสียหายด้านกลับจะรับผิดชอบอย่างไร

ม็อบราษฎรที่นำโดยคนรุ่นใหม่ วางกลยุทธ์อย่างฉลาดเฉลียวบนความกล้าท้าทาย พาอำนาจรัฐที่ใหญ่โตเทอะทะ ปรับตัวรับมือได้ช้า เดินไต่เส้นบนปากเหวแห่งความเสี่ยง พวกเขาไม่เพียงจี้ประเด็นแหลมคม หวาดเสียว ทำให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธแค้น ระหว่างการต่อสู้ร้อนแรง ก็ยังจัดงานเฟสติวัลสนุกสนาน แสดงศิลปะ กินหมูกระทะดูคอนเสิร์ต ดูการแสดง แบบที่สยาม ที่อักษะ ที่ลาดพร้าว หรือเอาเป็ดยางมายั่วเย้า ซึ่งยิ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามแทบคลั่งใจตาย

น่าแปลกใจ รัฐไทยกลับไม่ยกย่อง “เด็กฉลาดชาติเจริญ” ฝ่ายอนุรักษนิยมไทยกลับคลั่ง คนรุ่นใหม่ถูกล้างสมอง โดยธนาธร ปิยบุตร อเมริกา ให้เกลียดจีนต้านจีน ทูต 5 ประเทศแทรกแซงไทย ฯลฯ แล้วไปให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติ พวกกันเองก็ยกย่องฟูมฟาย ไม่คิดเลยหรือว่าฝรั่งต่างชาตินักลงทุนอ่านแล้วจะสมเพชเวทนาขนาดไหน

บ้างก็ว่า เด็กไทยไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์ หัวร่อตาย ตัวเองเรียนแต่ประวัติศาสตร์งมงาย ชมรมนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง (ทุนคิง) จัดเสวนาสอนประวัติศาสตร์อย่างไร ชี้ว่าการศึกษาไทยเอาแต่สอนให้ท่องจำ ไม่กล้าตั้งคำถาม จำกัดภูมิปัญญา

ความจริงวันนี้คือ พลังคนรุ่นใหม่ที่ไล่ประยุทธ์ เรียกร้องปฏิรูปสถาบัน เป็นคนชั้นกลางในเมืองรุ่นใหม่ที่มีหัวคิด มีการศึกษา เป็นพลังสำคัญที่จะสร้างสรรค์เศรษฐกิจในโลกยุคใหม่ ที่คนรุ่นเก่ากำลังจะตกยุคไปแล้ว

ตรงกันข้าม พวกที่ออกมาต้านม็อบมีแต่พวกทัศนะสุดโต่ง ถอยหลัง ฝ่ายอนุรักษนิยมที่มีภูมิปัญญามองหาไม่เห็น กระทั่งนักวิชาการที่เคยหนุนพันธมิตร กปปส. ก็หายหมด เหลือแต่ ดร.เลอะเทอะ 2-3 คน นอกนั้นคือนักการเมืองไร้จุดยืนที่พยายามรักษาการเมืองเก่าระบบอุปถัมภ์ เจ้าพ่ออิทธิพลทุนท้องถิ่นหากินตลาดล่าง

ถ้าฝ่ายหลังชนะ ประเทศไทยจะเดินไปอย่างไร จะให้คนรุ่นใหม่ที่ฉลาดกว่า มีความรู้ความสามารถสูงกว่า ยอมอยู่ใต้ความคิดคนแบบหมอวรงค์ พุทธะอิสระ บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ฯลฯ ก้มหน้าก้มตาสร้างประเทศให้มีความสามารถแข่งขัน อย่างนั้นหรือ

Back to top button