พาราสาวะถี
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปีนี้แล้ว สถานการณ์ของประเทศไทยยังไม่มีอะไรเปลี่ยนโดยเฉพาะกรณีของการชุมนุมขับไล่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ซึ่งมาถึงเวลานี้คนจำนวนไม่น้อยยังมองเห็นตรงกันว่า หากข้อเสนอของกลุ่มราษฎรมีเพียงแค่ให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งและแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ป่านนี้เราคงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกิดขึ้นไปแล้ว ต่อให้ใครจะหน้าทนอย่างไรคงจะไม่อาจต้านทานกระแสของประชาชนที่ลุกฮือได้
อรชุน
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปีนี้แล้ว สถานการณ์ของประเทศไทยยังไม่มีอะไรเปลี่ยนโดยเฉพาะกรณีของการชุมนุมขับไล่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ซึ่งมาถึงเวลานี้คนจำนวนไม่น้อยยังมองเห็นตรงกันว่า หากข้อเสนอของกลุ่มราษฎรมีเพียงแค่ให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งและแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ป่านนี้เราคงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกิดขึ้นไปแล้ว ต่อให้ใครจะหน้าทนอย่างไรคงจะไม่อาจต้านทานกระแสของประชาชนที่ลุกฮือได้
แต่การมีข้อเสนอที่ 3 ว่าด้วยการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น มันทำให้คนจำนวนมากที่อยากจะเข้าร่วม ไม่สามารถที่จะมารวมตัวแสดงพลังด้วยได้ เพราะติดขัดด้วยเรื่องสำคัญนี้ แต่ไม่ว่าวันนี้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป อย่างที่เห็นไม่สามารถที่จะบริหารงานทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ถึงแม้จะไม่มีม็อบมากวนใจโดยสถานการณ์แล้ว สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำมาก็ยังไม่ตอบโจทย์ต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นมาได้แต่อย่างใด
ยิ่งมีม็อบมาเป็นตัวกระตุกเลยยิ่งไปกันใหญ่ ความพยายามในการที่จะดิสเครดิตและโจมตีฝ่ายชุมนุมนั้น ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไป ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเลือกที่จะใช้วิธีการแบบเดิม ๆ ในยุคที่ทุกอย่างสามารถเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้กันอยู่แล้ว มันจึงเป็นการยากที่จะขจัดม็อบให้พ้นไปจากเส้นทางของขบวนการสืบทอดอำนาจ และนานวันก็ดูเหมือนว่าจะมีการยกระดับการชุมนุมในลักษณะเร่งให้สถานการณ์เดินไปสู่จุดปะทะหรือแตกหักให้เร็วยิ่งขึ้น
อยู่ที่ความอดทนของฝ่ายกุมอำนาจว่าจะมีมากขนาดไหน เรื่องข้อกล่าวหาม็อบมีท่อน้ำเลี้ยง มีพวกบัญชาการอยู่เบื้องหลัง และบรรดาลิ่วล้อในพรรคสืบทอดอำนาจต่างพากันชี้นิ้วไปที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั้น มันไม่ได้ช่วยทำให้ความน่าเชื่อถือในฝ่ายของรัฐบาลดีขึ้นมาแม้แต่น้อย เพราะความเป็นจริงเมื่อยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้เป็นที่ประจักษ์ มีแต่การหว่านเม็ดเงินสารพัดโครงการนั้น มันก็ไม่อาจทำให้คนที่หวังว่าชีวิตจะดีขึ้นยอมงอมืองอเท้ารอรับชะตากรรมได้
ส่วนของกลุ่มที่ออกมาแสดงพลังอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฝ่ายราษฎร มันก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้ลำบาก เมื่อปักธงในการที่จะปกป้องสถาบัน มันย่อมแสดงออกได้เพียงเท่านั้น หากเปลี่ยนสภาพมาหนุนหลังรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ก็เท่ากับเป็นการนำเอาสถาบันมาบังหน้าทำให้ระคายเคืองแปดเปื้อน ดังนั้น ในส่วนนี้จึงทำได้เพียงการเสี้ยม โดยหวังให้เกิดการลุกฮือเพื่อจะทำลายกระบวนการเคลื่อนไหวของม็อบ ทว่าอีกฝ่ายขับเคลื่อนกันโดยยึดแนวทางสันติวิธีอย่างแข็งขันมันก็ไม่มีทางที่จะทำลายความชอบธรรมในการประท้วงได้
ฟากของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ก็รอลุ้นอยู่ว่าการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ กับการพักอยู่บ้านพักหลวงทั้งที่ตัวเองเกษียณอายุราชการไปแล้วนั้น ผลจะออกมาอย่างไร ตรงนี้จะเป็นการพิสูจน์หลายอย่าง จุดสำคัญคือพิสูจน์มาตรฐานในการวินิจฉัยขององค์กรที่มีอำนาจ หากยึดตัวบทกฎหมายจากการตีความในอดีตที่ผ่านมาเทียบเคียงแนวทางที่ได้ใช้ คำตอบมันก็ค่อนข้างที่จะชัด แต่ด้วยความที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ มีบุญคุณต่อกันล้นเหลือ มันจึงกลายมาเป็นมุมที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่ายังไงก็รอด
หากจะว่ากันไปตามเนื้อผ้าแล้ว การที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของฝ่ายผู้ชุมนุม ไม่ใช่แค่การเหลิงในอำนาจแต่มันเป็นเรื่องของการเสียเชิง เสียเหลี่ยมของคนที่ยืนยันเชื่อมั่นว่ามีแต่ตัวเองเท่านั้นที่เก่งและซื่อสัตย์ ดังนั้น ใครก็อย่าได้มาสะเออะเสนอหน้าที่จะเข้ามาเป็นคู่แข่ง แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง คนรุ่นใหม่ก้าวข้ามความกลัวทั้งปวงไปแล้ว การที่จะมีเหตุทำให้ตัวเองต้องหลุดจากเก้าอี้ จึงน่าจะเป็นหนทางที่ทำให้เดินลงจากบัลลังก์อย่างสมศักดิ์ศรีที่สุดแล้วกระมัง
การอ้างเรื่องข้อกฎหมาย การอ้างความจำเป็นในการที่จะอยู่ต่อเพื่อดูแลแก้ไขปัญหาต่าง ๆ นั้น เมื่อมันแก้ไม่ได้และพิสูจน์ให้เห็นมาแล้วกว่า 6 ปีที่ผ่านมานั้น ไม่มีปัญญาที่จะแก้ได้ ก็ควรจะปล่อยมือแล้วทิ้งภาระให้ใครก็ตามเข้ามารับช่วงต่อ โดยเฉพาะกับปัญหาโรคโควิด-19 ที่ชอบยกมาอ้างว่าต่างประเทศชื่นชมประเทศไทยและรัฐบาลได้หน้าไปเต็ม ๆ แต่กรณีล่าสุดที่พบหญิงวัย 29 ติดเชื้อที่เชียงใหม่ โดยมีปัจจัยมาจากการไปติดในประเทศเพื่อนบ้านแล้วหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยนั้น ถือเป็นความบกพร่องของฝ่ายรัฐโดยตรง
อย่าลืมว่า ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจสั่งนักสั่งหนาว่า จะต้องไม่มีการลักลอบเข้าเมือง หรือการเข้าออกประเทศโดยเฉพาะตามตะเข็บชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังมีการระบาดอย่างหนักนั้น จะต้องมีความเข้มงวดเข้มข้นในการตรวจสอบและดูแล แล้วกรณีนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร หากเกิดมีการระบาดเกิดขึ้น ซึ่งก็มีแนวโน้มว่ามีความเป็นไปได้ เพราะล่าสุดก็พบผู้ป่วยที่เชียงรายอีก 2 คน เช่นนี้ท่านผู้นำจะโยนให้เป็นเรื่องของพื้นที่แล้วปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างนั้นหรือ
หากยกเอากรณีนี้มีพิจารณาก็จะเห็นได้ชัดเจนว่า โควิด-19 กับโอกาสการติดเชื้อจากพื้นที่ซึ่งมีการระบาดอย่างหนักนั้น มันเป็นไปได้โดยง่าย เช่นเดียวกับตัวเลขที่แถลงกันรายวันซึ่งพบจากผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น ย่อมมีคำถามตามมาว่า แล้วความพยายามที่จะลดเวลาการกักตัวเพราะหวังสร้างแรงจูงใจ ดูดเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น มันได้คุ้มเสียหรือไม่ แล้วถามต่อไปว่ายังมีความพยายามที่จะดำเนินการเรื่องนี้อีกหรือไม่ หากยังคิดและตั้งใจที่จะทำกันอยู่
นี่ก็คืออีกจุดที่ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลสืบทอดอำนาจหมดปัญญาที่จะหาเม็ดเงินเข้าประเทศแล้ว จึงไม่สนใจความเสี่ยงของประชาชน นอกจากนั้น ยังมีการใช้ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขมาเป็นเครื่องมือเพื่อช่วยยืนยันสิ่งที่ตัวเองต้องการจะให้ทำ ทั้งที่ ผลของตัวเลขที่รายงานในแต่ละวันพิสูจน์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่า มีการพบเชื้อของผู้กักตัวในวันที่ 12 หรือ 14 ก็มี เช่นนี้จะลดการกักตัวให้เหลือ 10 วันเพื่ออะไร กลายเป็นว่าสิ่งที่ประชาชนตั้งใจช่วยกันมาจนทำให้ประเทศไทยได้รับเสียงชื่นชมนั้น จะถูกทำลายลงเพราะความหน้ามืดอับจนหนทางของรัฐบาลไร้ความสามารถนี่เอง