พาราสาวะถี

ไม่มีอะไรลึกลับ ซับซ้อนกับคำทำนายของโหรคมช. วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ว่าด้วยการอยู่ต่อของแก๊ง 3 ป. รวมไปถึงการวิพากษ์ขบวนการเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาว เพราะหากถอดรหัสจากคำนายดังว่า คลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะใกล้เคียงกับรายการของสภาความมั่นคงแห่งชาติเสียมากกว่า ซึ่งนั่นน่าจะเปลี่ยนชื่อเรียกโหรรายนี้เสียใหม่ว่าเป็นโหรสมช.น่าจะเหมาะกว่า ประเด็นการวิเคราะห์นั้นก็แทบจะไม่แตกต่างจากสิ่งที่ผู้นำเผด็จการให้สัมภาษณ์หรือพูดบนเวทีทุกที่ที่ไปร่วมงาน


อรชุน

ไม่มีอะไรลึกลับ ซับซ้อนกับคำทำนายของโหรคมช. วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ว่าด้วยการอยู่ต่อของแก๊ง 3 ป. รวมไปถึงการวิพากษ์ขบวนการเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาว เพราะหากถอดรหัสจากคำนายดังว่า คลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะใกล้เคียงกับรายการของสภาความมั่นคงแห่งชาติเสียมากกว่า ซึ่งนั่นน่าจะเปลี่ยนชื่อเรียกโหรรายนี้เสียใหม่ว่าเป็นโหรสมช.น่าจะเหมาะกว่า ประเด็นการวิเคราะห์นั้นก็แทบจะไม่แตกต่างจากสิ่งที่ผู้นำเผด็จการให้สัมภาษณ์หรือพูดบนเวทีทุกที่ที่ไปร่วมงาน

ขณะเดียวกัน เมื่อมองย้อนไปยังขบวนการเคลื่อนไหว วันนี้ก็พบเห็นร่องรอยของการไปไกลในแง่ของความคิด ซึ่งนั่นย่อมจะทำให้ฝ่ายกุมอำนาจยิ้มกริ่ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพูดถึงระบอบสาธารณรัฐ การแสดงสัญลักษณ์ล่าสุดเกี่ยวกับระบอบคอมมิวนิสต์ เท่ากับว่าความเคลื่อนไหวที่เรียกร้องกันอยู่นั้น มันไม่ได้เป็นการโหยหาประชาธิปไตยอันเหมือนกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่ซึ่งไปเป็นแนวร่วมคิด หากยังเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่านี่เป็นการขายความคิดอันสุดโต่ง กลายเป็นพวกตกยุคไปเสียฉิบ

ไม่เพียงแต่ขบวนการของคนรุ่นใหม่ที่ออกอาการเป๋ อันจะส่งผลต่อการคลายแรงกดดันที่เคยถาโถมเข้าใส่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจตลอดช่วงเวลากว่า 2 เดือนที่ผ่านมา หากแต่พรรคแกนนำฝ่ายค้านก็เสียกระบวนท่าตามไปด้วยเหมือนกัน กรณีการลาออกจากพรรคเพื่อไทยของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พร้อมพวกรวม 4 คน แม้วันนี้เจ้าตัวยังไม่ได้ชี้แจงแถลงไขถึงเหตุผลที่แท้จริง แต่ วัฒนา เมืองสุข ได้โพสต์อธิบายถึงเหตุผลในมุมของตัวเองแล้ว

ภาพหนึ่งซึ่งชัดเจนคือความขัดแย้งที่วัฒนาอธิบายว่าไม่ได้เป็นเรื่องของการแก่งแย่งตำแหน่งหรือช่วงชิงการนำภายในพรรค หากแต่เป็นการไม่ลงรอยกันในแง่ของความคิดและทัศนคติ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่บอกไปตั้งแต่ต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ในคำชี้แจงดังกล่าวนั้น มีสองประเด็นที่มองเห็นตรงกันต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม รวมไปถึงการแสดงท่าทีของพรรคเพื่อไทยบนสถานการณ์ความขัดแย้ง ที่ถ้ายังดำเนินกันต่อไปแบบนี้มีแต่จะทำให้ตัวเองเสียรังวัดและคะแนนตีกลับไปยังฝ่ายสืบทอดอำนาจ

อย่างแรกที่เห็นตรงกับวัฒนาคือ บริบททางการเมืองหลังยุคคสช. สังคมไทยมีความขัดแย้งทางความคิดมากมาย รูปแบบการเมืองจึงไม่ได้ต่อสู้กันเพียงเผด็จการกับฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ยังจำแนกออกเป็นฝ่ายราชานิยม อำนาจนิยม จนถึงแนวคิดสุดโต่งแบบสาธารณรัฐ ตรงนี้ที่ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญ แน่นอนว่าไม่ใช่เฉพาะเสี่ยไก่เท่านั้น แต่เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่เชื่อมั่นในแนวคิดเสรีนิยมประชาธิปไตยแบบราชอาณาจักร ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขอันเป็นความอ่อนไหวสำคัญที่ทำให้ม็อบไม่สามารถปิดเกมได้

นอกจากนั้น สิ่งที่วัฒนาสะท้อนผ่านมุมมองของตัวเองในฐานะคนที่อยู่ภายในพรรคนายใหญ่ ก็คงเป็นประเด็นที่กองเชียร์ทั้งหลายอยากเห็น นั่นก็คือ พรรคการเมืองที่มีความเป็นมืออาชีพ เป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นกลไกแสวงหาหาทางออกให้กับสังคม เพื่อนำผู้คนออกจากความขัดแย้งไปสู่ปลายทางคือการกินดีอยู่ดีของประชาชนโดยมีกลไกคือประชาธิปไตยบนหลักนิติธรรม ไม่เอากับเผด็จการทุกรูปแบบและต้องไม่เป็นพรรคการเมืองที่นำประชาชนไปสู่ความขัดแย้งเสียเอง

ตรงนี้แหละที่พรรคเพื่อไทย ยังไม่สามารถพิสูจน์ให้คนส่วนใหญ่เห็นได้ ท่วงทำนองที่แสดงออกทางสังคม ยังคงเป็นเรื่องของความใกล้ชิดกับคนแดนไกล ยังเป็นเป้าประสงค์ที่ต้องการเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลมากกว่าที่จะมาเป็นแกนนำฝ่ายค้าน ทั้งที่บริบททางการเมืองเปลี่ยนไป ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่เคยกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตคือ ใครที่ไม่ได้อยู่กับพรรคแล้วถือเป็นคนเลว ส่วนใครเข้ามาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันถือเป็นคนดีทั้งหมด

เหล่านี้กำลังวกย้อนกลับมาเกิดขึ้นภายในพรรคที่เคยชูสโลแกนว่าคิดใหม่ ทำใหม่ แต่ทำไปทำมากลับกลายเป็นว่าจะไม่พัฒนาไปในทางที่ควรจะเป็น เห็นได้ชัดจากปมการเลือกตั้งนายกอบจ.ที่เชียงใหม่ ด้วยการตีตราผูกโซ่ตรวนให้ บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ที่ลงสมัครในนามกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรมกลายเป็นคนทรยศ ยัดเยียดความเป็นพวกเผด็จการ เพื่อที่จะแผ้วถางทางให้คนที่ตัวเองสนับสนุนว่าเป็นคนดีที่ถูกเลือกแล้ว ทั้งที่กรณีคดีที่เกิดขึ้นกับอดีตนายกอบจ.รายนี้นั้นเป็นการรับบัญชามาจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนายทั้งสิ้น

ปมของการถูกดำเนินคดีเรื่องการต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ในระหว่างการทำประชามตินั้นถือว่าเป็นชะตากรรมอันเจ็บปวดของคนในตระกูลบูรณุปกรณ์ หากต้องการเอาตัวรอดและไปร่วมกับพรรคสืบทอดอำนาจจริง เพียงแค่ทั้งหมดที่ถูกจับกุมซัดทอดว่าพยาน หลักฐานที่เจ้าหน้าที่อ้างนั้นเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับพรรคนายใหญ่ พรรคก็จะถูกยุบเป็นหนที่สามไปแล้ว นี่คือความสามานย์ทางการเมืองที่ต้องยอมรับความเป็นจริงต่อกัน

ความไม่ลงรอยดังกล่าว ยังได้ขยายผลเปิดแผลความขัดแย้งไปถึงขบวนการของคนเสื้อแดงที่ จตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งไปปราศรัยหาเสียงช่วยบุญเลิศ ถูกตีตราว่าเป็นพวกทรยศอีกรายและเป็นฝ่ายพลังประชารัฐ อุ้มสมเผด็จการ ตามมาด้วยเสียงเรียกร้องจากเสื้อแดงเชียงใหม่ไล่ให้ตุ๊ดตู่ไขก๊อกพ้นความเป็นประธานนปช.ไปเสีย เห็นภาพเช่นนี้แล้วทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจถึงกับตบโต๊ะดีใจ เพราะเท่ากับว่าขวากหนามสำคัญในขบวนการต่อต้านทุกพวกนั้นกำลังติดหล่มกับความขัดแย้ง แตกคอกันเอง

อย่างไรก็ตาม การเมืองไม่เคยมีสูตรสำเร็จ ใช่ว่าฝ่ายที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลไร้เอกภาพ และไม่มีไม้เด็ดหมัดน็อคจะมาทำให้ฝ่ายกุมอำนาจพังพาบได้ อย่าลืมเป็นอันขาด การเมืองไทยที่ผ่านมา การอยู่ในอำนาจยาวนานเกินไป บางครั้งไม่ได้มีความผิดใด ๆ แต่คนรู้สึกเบื่อก็มีอันทำให้กระเด็นตกเก้าอี้ได้ ขณะที่ในสถานการณ์ปัจจุบันคนส่วนใหญ่กำลังโหยหาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากขบวนการสืบทอดอำนาจยังทำได้แค่เพียงการแจกซื้อใจ ซื้อคะแนนนิยมไปเรื่อย ๆ มันก็จะได้แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ในที่สุดเมื่อคนขัดสนยากแค้นจนทนต่อไปไม่ไหว เมื่อถึงเวลานั้นไม่มีใครคาดเดาได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น

Back to top button