พาราสาวะถี
สนามเลือกตั้งนายกอบจ.ไม่มีที่ไหนร้อนแรงเท่าจังหวัดเชียงใหม่อีกแล้ว จังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย แต่ในการเลือกตั้งหนนี้อดีตนายกฯ คนเดิมที่เคยสังกัดพรรคนายใหญ่ บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ถูกเขี่ยพ้นเส้นทางหลังจากถูกจับกุมดำเนินคดีนับตั้งแต่การรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ช่วงก่อนการทำประชามติ ก่อนที่จะถูกยัดเยียดฝักใฝ่ปันใจให้กับพรรคสืบทอดอำนาจ โดยที่คนแดนไกลเลือก พิชัย เลิศพงศ์อดิศร อดีตส.ว.มาลงสมัครแทน
อรชุน
สนามเลือกตั้งนายกอบจ.ไม่มีที่ไหนร้อนแรงเท่าจังหวัดเชียงใหม่อีกแล้ว จังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย แต่ในการเลือกตั้งหนนี้อดีตนายกฯ คนเดิมที่เคยสังกัดพรรคนายใหญ่ บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ถูกเขี่ยพ้นเส้นทางหลังจากถูกจับกุมดำเนินคดีนับตั้งแต่การรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ช่วงก่อนการทำประชามติ ก่อนที่จะถูกยัดเยียดฝักใฝ่ปันใจให้กับพรรคสืบทอดอำนาจ โดยที่คนแดนไกลเลือก พิชัย เลิศพงศ์อดิศร อดีตส.ว.มาลงสมัครแทน
ทุกอย่างน่าจะไม่มีปัญหาหากการแข่งขันว่ากันไปตามครรลอง แต่พลันที่ปรากฏกายของ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.ไปขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยบุญเลิศเท่านั้น ทุกอย่างก็กลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตขึ้นมาทันที เพราะคล้อยหลังจากนั้นไม่กี่วัน ทักษิณ ชินวัตร ก็ส่งจดหมายภาษาคำเมืองถึงคนเชียงใหม่ขอแรงใจไปช่วยเลือกพิชัย พร้อมด้วยเสียงสนับสนุนในลักษณะจดหมายก้อมอีกแรงมาจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาว
เท่านั้นแหละ ทุกสายตาจึงจับจ้องมองไปยังสนามเลือกตั้งที่เชียงใหม่ทันที และไม่นานหลังจากนั้นคนเสื้อแดงเชียงใหม่ก็พากันตั้งโต๊ะแถลงข่าวไล่ให้จตุพรลาออกจากความเป็นประธานนปช. แต่คนอย่างจตุพรไม่มีทางยอมให้ถูกตีกิน จึงโต้กลับทันควันด้วยการประกาศฟ้องคนที่ใส่ความ พร้อมกับประกาศกร้าวพาดพิงไปถึง “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่เจ้าตัวมองว่าอยู่เบื้องหลังของการยุยงให้คนเสื้อแดงเชียงใหม่ออกมาไล่ตัวเอง
เป็นธรรมดาของการเมืองที่ว่าด้วยเรื่องของความไม่ลงรอย แน่นอนว่า เมื่อเลือกหยิบเอาจุดนี้มาตี ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่คล้อยตาม เพราะชะตากรรมของทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ที่โดนคดีและต้องระหกระเหินในต่างแดนนั้น ก็เป็นผลพวงมาจากการใช้ฐานะของน้องสาวและพี่สาวของนายกรัฐมนตรีไปดำเนินการเพื่อตัวเองและพวกพ้องนั่นเอง แต่ประสาคนที่มีลิ่วล้อถึงขนาดที่ยอมติดคุกแทนนายได้ จึงย่อมไม่ยอมตกเป็นเป้าให้จตุพรเล่นงานแบบฟรี ๆ แน่นอน
สุดท้าย แทนที่จะเป็นเรื่องของการช่วงชิงคะแนนเสียงของคนเพื่อไทยกับบุญเลิศในสนามเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ กลับเป็นการจับคู่ทะเลาะกันระหว่างประธานนปช.กับพรรคเพื่อไทย และแน่นอนว่า เป็นการเปิดหน้าชก แลกหมัดกับนายใหญ่ไปเสียฉิบ แม้จตุพรจะออกตัวว่ายังรักและเคารพทักษิณไม่เปลี่ยนแปลง แต่การพาดพิงไปถึงน้องสาวของคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นนายนั้น มันก็เหมือนการออกหมัดกระแทกเข้าปลายคางคนที่อ้างว่าเคารพนั่นเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่เป็นเพียงภาพสะท้อนของปัญหารอยร้าวภายในพรรคเพื่อไทย ที่ความจริงก็มีปัญหากันมาตั้งแต่คราวไทยรักไทย จนกระทั่งพลังประชาชน แต่ยังเป็นภาพสะท้อนถึงความแตกร้าวของขบวนการคนเสื้อแดงไปในคราวเดียวกันด้วย หนก่อน วรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ ซึ่งก็เป็นอดีตแกนนำนปช.เหมือนกัน ได้ออกมาตอบโต้จตุพรกรณีที่พาดพิงถึงพรรคไปแล้วหนหนึ่ง เพียงแต่ว่าไม่มีการโต้กลับจากประธานนปช.เท่านั้น
ล่าสุด ก็เป็นคิวของ ก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาปรามจตุพรโดยบอกว่าเข้าใจเหตุผลที่ไปหาเสียงช่วยบุญเลิศเพราะมีความผูกพันกัน แต่ประธานนปช.ก็ไม่ควรโจมตีพรรคเพื่อไทย เพราะตนและจตุพรก็ต่างเป็นอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งถือว่ามีความผูกพันกับพรรคและครอบครัวชินวัตรมายาวนาน การหาเสียงควรหาเสียงกันอย่างสร้างสรรค์ เน้นนโยบายที่จะแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ให้ดียิ่งขึ้นดีกว่า
ขณะที่ประเด็นซึ่งก่อแก้วมีความเป็นห่วงพร้อมแสดงความกังขาต่อจตุพรกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็คือ สิ่งที่มวลชนตั้งคำถามเรื่องการไปช่วยบุญเลิศ ประธานนปช.ควรจะชี้แจงด้วยเหตุผล ซึ่งเชื่อว่าสามารถอธิบายได้ ไม่ควรไปตอบโต้แบบฟาดงวงฟาดงากับมวลชน โดยเฉพาะการขู่ว่าจะฟ้องมวลชนที่วิจารณ์ยิ่งไม่ควร การเป็นประธานนปช.ต้องทำให้มวลชนและสังคมยอมรับ ทุกอย่างที่มวลชนสงสัยต้องสามารถอธิบายและชี้แจงให้เข้าใจได้หมด
การเปิดศึกทะเลาะกับเจ๊แดง ซึ่งเป็นน้องสาวของทักษิณ เป็นภรรยาของ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และเป็นพี่สาวยิ่งลักษณ์ ในมุมที่ก่อแก้วเป็นห่วงก็คือ คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นบุคคลที่คนในพรรคและอดีตสมาชิกพรรคให้ความเคารพอย่างยิ่งและทำงานร่วมกันมายาวนาน เมื่อเปิดศึกอย่างนี้จะไม่เป็นผลดีต่อการทำงานของนปช. ตราบที่จตุพรยังนั่งในตำแหน่งประธานนปช.ต้องนึกถึงผลกระทบที่จะตามมาด้วย ประเด็นนี้เชื่อว่าคนที่ถูกพาดพิงน่าจะมีการชี้แจงในเร็ววันนี้
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนเสื้อแดงทั้งประเทศแสดงความกังขามาตลอด เพราะในระดับแกนนำของนปช.นั้นตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มีการแตกคอกันว่าด้วยทิศทางการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองไปแล้ว จนถึงขึ้นแยกกันเดินฟากของ ธิดา ถาวรเศรษฐ และ เหวง โตจิราการ ไปเช่าออฟฟิศอยู่แถวรัตนาธิเบศน์ตั้งสถานียูดีดี นิวส์ ทำรายการและรายงานข่าวผ่านทางโซเชียลมีเดีย ขณะที่การทำกิจกรรมก็ต่างฝ่ายต่างทำแยกกันอย่างชัดเจน
แน่นอนว่า นั่นเป็นเพราะเวลานั้นจตุพรเป็นผู้ที่ถูกห้ามเล่นการเมืองเป็นเวลา 10 ปีจากผลของการถูกคุมขังมาก่อนหน้า ส่วนแกนนำคนอื่น ๆ ยังสามารถเล่นการเมืองได้ปกติ จึงต้องแยกกันเดินยังพอมีเหตุผลมาอ้างได้ แต่มาหนนี้ภาพปรากฏชัด ความจริงก็มีการตั้งข้อสังเกตกันมาตั้งแต่ท่าทีที่ประธานนปช.แสดงออกต่อความเคลื่อนไหวของขบวนการคนหนุ่มสาวกันแล้ว เพียงแต่ว่ากรณีดังกล่าวยังมีปมว่าด้วยการปฏิรูปสถาบันที่เป็นเหตุให้อ้างได้ว่าไม่สามารถสนับสนุนได้
พอมีการเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่เที่ยวนี้ ทุกอย่างจึงถูกเปิดเผยด้วยผลของการกระทำและการแสดงออกของแต่ละคนแต่ละฝ่ายเอง โดยที่ล่าสุด ทักษิณก็ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์แสดงความเห็นต่อพวกที่ออกมาโจมตีพรรคเพื่อไทย ก่อนที่จะออกลูกขอคะแนนสงสาร “ผมไม่เสียใจที่วันนี้จะมีคนเดินจากไปเพื่อไปมีเส้นทางใหม่ เพราะผมคงไปบังคับหัวใจใครให้อยู่กับพรรคตลอดไปไม่ได้” ก่อนที่จะขอบคุณคนที่ยังอยู่ร่วมกันต่อไป ท่วงทำนองเช่นนี้เชื่อได้เลยว่าจะมีปรากฏการณ์ลิ่วล้อออกมากระซวกพวกเนรคุณอีกเป็นแน่