หัวทองเริ่มปล่อยของ
*หากนั่งนับดูเวลา 7 วันทำการที่ตลาดหุ้นไทยเทรดกันสะแด่วแห้ว กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ได้เห็นหลายแง่มุมของตลาดหุ้นไทยมากขึ้นกว่าเดิม (ไม่ได้โลกสวยอย่างเดียว) และหนึ่งในจุดที่เห็นชัดคือ แรงขายที่มีออกมาเป็นระลอกก่อนดัชนีพุ่งพรวดพราด น่าจะเป็นการทดสอบแรงเทขายว่า สะเด็ดน้ำหรือยัง ? และทำให้การยกฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิมแกร่งขึ้นเป็นกองพะยะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*หากนั่งนับดูเวลา 7 วันทำการที่ตลาดหุ้นไทยเทรดกันสะแด่วแห้ว กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ได้เห็นหลายแง่มุมของตลาดหุ้นไทยมากขึ้นกว่าเดิม (ไม่ได้โลกสวยอย่างเดียว) และหนึ่งในจุดที่เห็นชัดคือ แรงขายที่มีออกมาเป็นระลอกก่อนดัชนีพุ่งพรวดพราด น่าจะเป็นการทดสอบแรงเทขายว่า สะเด็ดน้ำหรือยัง ? และทำให้การยกฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิมแกร่งขึ้นเป็นกองพะยะค่ะ
*ประกอบกับฝรั่งหัวทองเดินหน้าซื้อหุ้นไทยแบบจัดหนัก “โมนิก้า” เลยมีโอกาสเห็นดัชนีเดินหน้าทะลุแนวต้าน 1,450 จุดแบบสบาย ๆ และกำลังพยายามดันตัวเองขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน 1,500 จุด ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,482.67 จุด บวกไป 3.75 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.23 แสนล้านบาท ก่อนจะเฉลยในตอนจบว่า ฝรั่งเริ่มขายหุ้นออกไปกว่า 2.50 พันล้านบาท และกองทุนก็สาดหุ้นออกมา 1.68 พันล้านบาทเจ้าค่ะ
*ถึงกระนั้นหุ้นบลูชิพบางตัวก็ยังอยู่ในสภาวะวิบวับต่อไป เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับเข้าใจด้วยว่า งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา จึงควรเผื่อใจให้กับการพักตัวเพื่อไปต่อไว้บ้าง ผสานกับความคาดหวังเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิด-19 ยังต้องรอผลที่ออกมาเป็นรูปธรรมเสียก่อน “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับที่เน้นลงทุนระยะกลาง ถึงระยะยาว รีบจัดพอร์ตเพื่อรอช้อนหุ้นตัวเต็งที่จะได้ไปต่อนะจ๊ะ
*ตัวแรกที่ “โมนิก้า” มีความชื่นชอบเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้น IRPC เพราะวงรอบของธุรกิจเข้าสู่วัฏจักรฟื้นตัวอย่างเป็นทางการ ผสานกับบุ๊กแวลูของหุ้นอยู่ในระดับ 3.60 บาท เมื่อนำมาเทียบกับราคาหุ้นในกระดานที่ระดับ 3.80 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 11.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.31 พันล้านบาท น่าจะมีแก๊ปให้หุ้นวิ่งอีกพอสมควร เพราะเมื่อคิดภายใต้คอนเซ็ปต์ราคาหุ้นควรอยู่ 1.50 เท่าของบุ๊ก..ราคาเบาะ ๆ ที่หุ้นควรจะไปถึงก็อยู่แถว 5 บาทนะตัวเอง
*อีกรายที่อยากให้มองกันยาว ๆ เหมือนกับรายข้างต้น “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นแบงก์สีฟ้า KTB เพราะมีเรื่องราวที่น่าสนใจให้ติดตามเป็นระยะ ผนวกกับการยืนปิดของราคาหุ้นในกระดานที่ระดับ 11.90 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.77 พันล้านบาท กลายเป็นการซื้อขายบนค่า P/E 8 เท่า หรือแม้กระทั่งบุ๊กแวลูที่ยืนในระดับ 24 บาท ก็กลายเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจที่ทำให้น้องโมต้องหยิบยกหุ้นตัวนี้ขึ้นมาพูดนะคะ
*เช่นเดียวกับในรายของ EA มีสตอรี่เกี่ยวกับเรื่อง Growth เป็นตัวสร้างความเชื่อมั่นให้กับแฟนคลับตลอดเวลา “โมนิก้า” ชอบเม้าท์ถึงหุ้นที่มีพัฒนาการหลากหลายรูปแบบ จึงเชื่อว่า หุ้นจะวิ่งกลับขึ้นไปหายอดเดิมบริเวณ 50 บาทอีกครั้งแน่ ๆ และการที่หุ้นยืนปิดที่บริเวณ 48.25 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.20 พันล้านบาท จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ ในมุมของนักเล่นสไตล์คุณค่านะจะบอกให้
*ส่วนคนที่ชอบแบบ “เต็มแม็ก เต็มหลอด” คงต้องมองไปที่หุ้นเครื่องดื่มชูกำลัง OSP ไว้เป็นทางเลือกสำหรับการเก็งกำไร เพราะมองในมุมของการเทรดวนเวียนไปมาบริเวณ 40-45 บาทเป็นฐานที่ตั้ง “โมนิก้า” ย่อมมองการขึ้นมายืนปิดที่ 39.75 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.41 พันล้านบาท คือโอกาสของพวกขาลุยอย่างแท้ทรู และไม่หวั่นใจเมื่อเห็นหุ้นเทรดบน P/E 33 เท่า เพราะเขาเล่นกันแบบนี้เป็นประจำนะซี
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เลือกมองไปยังหุ้นที่น่าจะเทิร์นอะราวด์อย่าง BCP เป็นรายต่อมา เพราะเมื่อดูจากผลงานที่ย่ำแย่สุด ๆ ในปี 63 มันทำให้เชื่อว่า ปี 64 หุ้นตัวนี้จะกลับมาได้ ! ราคาหุ้นถึงไต่เพดานขึ้นมาปิดที่ระดับ 21.80 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 208 ล้านบาท พร้อมกับจุดประกายความหวังจะได้เห็นหุ้นขึ้นมายืนใกล้บุ๊ก 34 บาทนะจ๊ะ
*อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าติดตามต้องยกให้ SAT แต่เพียงผู้เดียว เพราะสเต็ปการขึ้นมาในแนว “ไซด์เวย์อัพ” ผสานกับการย่อตัวของหุ้นในแต่ละรอบ เป็นการเปิดโอกาสให้คนช้อนหุ้นเก็บไว้ในพอร์ต “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 15.30 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 175 ล้านบาท ยังมีช่องให้เล่นอีกพอสมควร เพราะฐานเดิมที่เล่นกันเป็นประจำอยู่แถว 18 บาท บวกกับบุ๊กแวลูอยู่ที่ระดับ 16 บาท เดี๊ยนถึงมองหุ้นตัวนี้มีความเสี่ยงต่ำเจ้าค่ะ