พาราสาวะถี
เก่งเรื่องขู่ต้องยกให้ตู่ ปมสั่งเลิกคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่นที่เขาใหญ่ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอ้างเป็นหน้าที่ของสาธารณสุขจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา แต่ว่ามีการตบท้ายในเมื่อมีการบังคับใช้กฎหมายและขอความร่วมมือแล้ว ไม่ปฏิบัติตามก็ต้องใช้ความเด็ดขาด ถ้าหากมีการระบาดของโควิด-19 กลับมาอีกรอบต้องชัตดาวน์กัน คำถามสำคัญก็คือ หากมันจะเกิดกรณีดังว่าจะมาจากคอนเสิร์ตใหญ่หนนี้หรือจากการที่มีคนลักลอบเข้าประเทศที่แม่สายกันแน่
อรชุน
เก่งเรื่องขู่ต้องยกให้ตู่ ปมสั่งเลิกคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่นที่เขาใหญ่ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอ้างเป็นหน้าที่ของสาธารณสุขจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา แต่ว่ามีการตบท้ายในเมื่อมีการบังคับใช้กฎหมายและขอความร่วมมือแล้ว ไม่ปฏิบัติตามก็ต้องใช้ความเด็ดขาด ถ้าหากมีการระบาดของโควิด-19 กลับมาอีกรอบต้องชัตดาวน์กัน คำถามสำคัญก็คือ หากมันจะเกิดกรณีดังว่าจะมาจากคอนเสิร์ตใหญ่หนนี้หรือจากการที่มีคนลักลอบเข้าประเทศที่แม่สายกันแน่
ความสุ่มเสี่ยงก็เห็น ๆ กันอยู่ แล้วเมื่อเป็นประเด็นหลังคำถามต่อมาคือ ใครต้องรับผิดชอบ จะอ้างว่าชายแดนไทยติดกับประเทศเพื่อนบ้านมีระยะกว่าหลายพันกิโลเมตร จะให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงเป็นไปไม่ได้ พร้อมกับไปตีตราพวกลักลอบว่าไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ โดยที่ฝ่ายซึ่งต้องดูแลกวดขันไม่จำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใดนั้น ตรงนี้ถูกต้อง เหมาะสมแล้วหรือไม่ คนที่อ้างข้อกฎหมายและระเบียบปฏิบัติโดยเคร่งครัดน่าจะมีคำตอบอยู่ในใจ
ได้เปรียบเทียบสิ่งที่เกิดขึ้นกับบิ๊กเมาน์เท่นกับคณะหมอลำไปก่อนหน้านี้แล้ว ยังไม่นับรวมการจัดคอนเสิร์ตอื่นและอีเวนต์ต่าง ๆ หากจะใช้งานดังกล่าวเป็นบรรทัดฐาน จากนี้ไปกลายเป็นว่าทุกกิจกรรมต้องเคร่งครัดเหมือนกันหมด ปุจฉาประการต่อมาคือเป็นเช่นนั้นจริงหรือ อย่าให้ความกลัวทางการเมืองต้องมาตามหลอกหลอนแล้วใช้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ทางการสาธารณสุขเป็นเครื่องมือ จนไปกระทบต่อความเชื่อมั่นและความร่วมมือที่ดีของประชาชนกันเลย
ย้ำมาโดยตลอดการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งคือการแสดงความจริงใจ ทอดไมตรีในลักษณะที่พร้อมจะพูดคุยเพื่อหาทางออก แต่การปรากฏชื่อของ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ และ ธนกร วังบุญคงชนะ เป็นตัวแทนรัฐบาลไปนั่งเป็นกรรมการสมานฉันท์ของรัฐสภา พูดตรง ๆ ว่ามีปัญญาคิดกันได้เท่านี้หรือ หรือไม่มีตัวบุคคลเหมาะสมแล้วในซีกของฝ่ายกุมอำนาจ ก็รู้กันอยู่นี่คือสองลิ่วล้อที่เป็นผู้ออกมากล่าวหา สาดโคลนฝ่ายต่อต้านอยู่ตลอดเวลา
ด้วยเหตุนี้ไงที่ฝ่ายค้านถึงไม่ยอมร่วมสังฆกรรม ไม่ต้องพูดถึงฝ่ายชุมนุมที่ปฏิเสธมาตั้งแต่ไก่โห่ และสิ่งที่คนเหล่านั้นดักคอไว้ตั้งแต่ต้นที่ว่าเป็นแค่ละครการเมืองฉากหนึ่ง รายชื่อที่ปรากฏคือบทพิสูจน์ความจริงใจอีกกระทอกของฝ่ายสืบทอดอำนาจ หลังจากได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าไม่มีอยู่จริงจากปมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการยืนยันได้ดีว่า ขบวนการสืบทอดอำนาจโดยเฉพาะผู้นำเผด็จการนั้นไม่ได้แยแสต่อกระแสสังคมใด ๆ เพราะเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่คอยปกป้องซึ่งตัวเองตั้งมากับมือ
งวดเข้ามาทุกขณะกับการเลือกตั้งนายกและสมาชิกอบจ.ที่จะหย่อนบัตรกันวันที่ 20 ธันวาคมนี้ คนที่ถามหามาตรการหรือมาตรฐานในการบริหารจัดการการเลือกตั้งขององค์กรที่ชื่อว่ากกต. คงต้องเลิกสงสัย ในเมื่อมีข่าวปรากฏชัดว่าหลายพื้นที่ หลายเวทีมีพวกที่ใส่เสื้อเหลืองไปดักรอและข่มขู่ผู้สมัครของบางกลุ่มเพื่อที่จะไม่ให้แกนนำของกลุ่มขึ้นเวทีปราศรัยและเป็นการคุกคามกันอยู่แค่ฝ่ายเดียว แต่ไร้ซึ่งคำสั่งหรือการดำเนินการเอาผิดใด ๆ จากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ดังนั้น ข้อกังขาที่สังคมสงสัยจึงไม่ต้องมาแก้ต่างแก้ตัวกันว่าปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและเป็นกลางขนาดไหน ความจริงภาพมันก็ฟ้องมาตั้งแต่คราวเลือกตั้งใหญ่เมื่อมีนาคมปีก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทั้งก่อน ระหว่างและหลังการเลือกตั้ง ทุกการตัดสินที่ออกมาล้วนค้านสายตาของคนส่วนใหญ่ และตกเป็นขี้ปากอย่างที่คนที่ตัดสินใจไม่ได้รู้สึกละอายแก่ใจ ด้วยเหตุนี้จึงมีข้อเสนอว่าด้วยการให้ยุบองค์กรอิสระบางองค์กรหรือทั้งหมด เพราะอยู่ไปก็สิ้นเปลืองงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์
สิ่งที่คนซึ่งไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดตั้งคำถามย้อนกลับไปยังพวกที่เคยสร้างวาทกรรมแทรกแซง ครอบงำองค์กรอิสระ เวลานี้ไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นกันเลยหรือ หรือมันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าคนดีที่พากันยกหางกันมานั้น ท้ายที่สุดแสดงความสามานย์ให้เห็นมากกว่านักการเมืองชั่วนักการเมืองเลวที่เคยประณามกันก่อนหน้านี้เสียอีก คำพูดที่ว่าชนชั้นใดร่างกฎหมายก็เป็นไปเพื่อชนชั้นนั้นมันเป็นจริงเสมอ อยู่ที่ว่าใครจะอย่างหนากว่ากันเท่านั้นเอง
รอยปริแยกภายในพรรคเพื่อไทย นับวันยิ่งจะเห็นเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ปรากฏการณ์ฟันกันเองจากการเลือกตั้งนายกอบจ.ที่เชียงใหม่ ที่ไม่แต่เฉพาะเผยโฉมให้เห็นเบื้องหลังของ “เจ๊” ที่จุ้นไปทุกเรื่อง และผลักไสมิตรให้เป็นศัตรูที่โดยผู้เป็นพี่ชายไม่รู้จะทำยังไง ยังทำให้เกิดผลที่จะตามมาต่อองคาพยพในการเคลื่อนไหวภาคมวลชนที่อุ้มสมกันมาตลอดระยะเวลาอย่าง 10 ปีอย่างนปช.และคนเสื้อแดงเมื่อ จตุพร พรหมพันธุ์ เปิดหน้าท้าชนกับอดีตพรรคที่เคยสังกัดอย่างไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม
แน่นอนที่สุดว่า หลังเสร็จศึกเลือกตั้งสนามท้องถิ่นรอบนี้ ในจังหวะที่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะได้รับการพักโทษปล่อยตัวออกมาอยู่นอกเรือนจำ บรรดาคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแกนนำนปช.ทั้งหลาย คงต้องตั้งโต๊ะสังคายนาบทบาทกันยกใหญ่ เอาให้ชัดว่ายังมีองค์กรนี้อยู่ต่อไปหรือไม่ ถ้ามีการขับเคลื่อนใครคือแกนนำที่แท้จริง หรือถ้าไม่มีแยกกันเดินก็ประกาศกันเสียให้ชัด มวลชนจะได้เลือกข้าง เลือกทางเดินกันถูก ไม่นับรวมพวกที่แปรพักตร์ไปรับใช้เผด็จการสืบทอดอำนาจกันก่อนหน้านี้
ความจริงหากไม่ต้องปิดบังอะไรกัน เรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองไม่ว่าใครคนไหนก็ตาม ต่างมีกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าใครจะใช้กลยุทธ์แบบไหนเท่านั้นเอง แต่เมื่อด้านหนึ่งยังมีภาระผูกพันอยู่กับแนวร่วมที่พรรคพวกตัวเองเคยสร้างขึ้น และถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มก้อนที่ยังถูกจับตามองจากฝ่ายกุมอำนาจและมีความพยายามในการย่อยสลายผ่านการแจกและจ่ายมาตลอดช่วงเวลากว่า 6 ปีที่ผ่านมา ถ้าหลักการและแนวทางมันกินไม่ได้หรือไปต่อไม่ไหว ก็แยกกันเดินและไปตามทางที่แต่ละคนเลือกเสียให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องมาประดักประเดิดเพราะหัวโขนที่หนักกบาลกันอยู่ในเวลานี้