WICE จะเล่นรอบ หรือสะสมยาว ?

พลวัตปี 2020 : วิษณุ โชลิตกุล

ไตรมาสสามที่ผ่านมา กำไรสุทธิของ บริษัทไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE สร้างสถิตินิวไฮรายไตรมาส ที่ระดับ 56 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันปีก่อนถึง 103% ส่งผลทางบวกต่อฐานะการเงินที่พุ่งกระฉูด แต่หลังจากประกาศงบการเงินออกมา ราคาหุ้นกลับสวนทาง ร่วงลงมาใต้ระดับราคา 5.00 บาท ยิ่งกว่าใบไม้ร่วงยามหน้าแล้งเสียอย่างนั้น

เหตุผลเดียวที่ทำให้ราคาสวนทางกับผลกำไรสุทธิของกิจการคือมีคนมองว่า กำไรสุทธิต่ำกว่าคาด และนักวิเคราะห์สายทุบก็ออกมาตอกย้ำอีกว่า นักวิเคราะห์เคยบอกเอาไว้ว่ากำไรน่าจะอยู่ที่ 65 ล้านบาท

ราคาหุ้นของ WICE ที่ถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับผลงานและค่า PEG ที่อยู่ใน

ระดับหุ้นโดดเด่นระดับ TOP10 ของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ ทำให้ผู้บริหารอย่าง นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ต้องขยันออกมาสื่อสารกับนักลงทุนมากกว่าปกติ

ล่าสุด นายชูเดช ออกมาบอกข่าวดีใหม่หลายเรื่องในคราวเดียวกันว่า

– WICE ตั้งเป้ารายได้ปี 2564 ที่ราว 3,500-3,600 ล้านบาท เติบโตดีต่อเนื่องจากปีนี้ 

– บริษัทได้วางกลยุทธ์เชิงรุกใหม่โดยจะเร่งพัฒนาธุรกิจ 5 ด้านพร้อมกันแบบคู่ขนาน

– ตั้งงบลงทุนราว 200 ล้านบาทรองรับการขยายธุรกิจต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในธุรกิจเพื่อเติบโตทางลัด ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก ทั้งรูปแบบการควบรวมกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (JV)

– แยกบริษัทย่อยในร่มธงผลักดันเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยภายใน 2 ปี เพื่อเพิ่มมูลค่าตลาดและมูลค่าบุ๊กแวลูของบริษัทในระยะยาวคือ บริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (ETL) 

ข่าวดีทั้ง 4 ข่าว แม้จะไม่มีผลในทางปฏิบัติทันทีทั้งหมด ก็ทำให้ราคาหุ้นขยับตัวยืนผงาดเมื่อวานซึ่งที่ผ่านมาเหนือ 5.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขายคึกคัก

จะบอกว่าเล่นรอบตามข่าวก็คงได้ แต่นักวิเคราะห์หลายสำนักที่เคยมีมุมมองเชิงลบ ก็มีฉันทานุมัติใหม่ปรับราคาเป้าหมายของ WICE เป็นเหนือ 6.00 บาทกันทั่วหน้า โดยเน้นหนักที่การคาดหมายของนายชูเดช ที่ว่ารายได้รวมทั้งปี 2563 จะมีโอกาสทำสถิติใหม่แตะ 3,200 ล้านบาทได้ สูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ที่ราว 2,700-3,000 ล้านบาท

ผลลัพธ์เช่นนี้จะจริงหรือไม่ ต้องพิสูจน์กันตอนงบการเงินงวดสุดท้ายจะออกในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าถ้าทำได้ ราคาหุ้นที่ระดับใต้ 5.00 บาท คงจะไม่ได้เห็นกันอีกนาน และถ้าทำไม่ได้ราคา 5.00 บาท น่าจะเป็นเพดานที่ยากจะก้าวผ่านขึ้นไปได้

ความน่าสนใจในกลยุทธ์ขยายธุรกิจโลจิสติกส์ของ WICE นับแต่เข้าตลาดมาหลายปีก่อน มีสองจุดเด่นคือ 1) รักษาการเติบโตแบบอินทรีย์ของบริษัทเดิมไปต่อเนื่อง 2) การรุกเพื่อโตทางลัดผ่านการควบรวมกิจการในต่างประเทศ (หนึ่งรายที่สิงคโปร์ และอีกรายในจีน เพื่อเร่งสร้างโอกาสในอนาคต)

ผลลัพธ์ผลิดอกออกผลในปีนี้ คือความสำเร็จที่ยากจะเลียนแบบอย่างแท้จริง เพราะธุรกิจในเครือข่ายและแตกสาขาไปมากกว่าเดิม ส่งผลให้มีรายได้ต่อเนื่องจากการขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross border Service)

ปีหน้านี้ อานิสงส์จากภาวะตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้ขนส่งทางเรือขาดตลาด (ไม่เกี่ยวข้องกับการที่รัฐบาลไทยนำตู้คอนเทนเนอร์ไปขัดขวางการชุมนุมของประชาชนแต่อย่างใด) ทำให้ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศหันมาใช้บริการ Cross border เพิ่มขึ้น

กลยุทธ์เชิงรุกใหม่โดยจะเร่งพัฒนาธุรกิจ 5 ด้าน ได้แก่ 1. การพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในการรองรับลูกค้าในธุรกิจ Cross border Service เพิ่มมากขึ้น ถือเป็น “ตีเหล็กเมื่อร้อน” 2. การขยายฐานลูกค้าเกี่ยวเนื่องอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น เนื่องด้วยกระแสการเปลี่ยนแปลงโลกดิจิทัลและการเข้ามาของเทคโนโลยี 5G ส่งผลให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ต้องถูกปรับเปลี่ยนการใช้งานใหม่ในอัตราเร่ง 3. เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการ Supply Chain Solution 4. การขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนผ่านการร่วมมือกับบริษัทย่อย และ 5. การผนึกกำลังร่วมกับบริษัทย่อยในเครือเสริมความแข็งแกร่ง

กลยุทธ์ใหม่ที่กล่าวมา ล้วนมีส่วนเสริมความเติบโตของยอดขายและกำไรอย่างมีนัยสำคัญหากว่าไม่เร่งการเติบโตมากเกินขนาดจนกระทบต่ออัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น

ความมั่นใจว่า คาดว่า WICE จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีกหลายปีข้างหน้า หลังการเติบโตโป่งพองกว่าปกติในปีนี้ เพราะปัจจัยสถานการณ์วิกฤติไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การขนส่งสินค้ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด อันเป็น“โบนัส”

นักลงทุนที่เป็น “ม้าแก่ชำนาญทาง” ที่ช้อนซื้อหุ้นต่ำราคา 5.00 บาท มีกำไรจะต่ำกว่าคาดในไตรมาสที่สาม แต่การที่ในไตรมาสที่สี่ อันเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปียังดีต่อเนื่อง จะส่งผลให้กำไรตลอดทั้งปีกำไรยิ่งโตสูงโดดเด่นต่อไปอีก น่าจะยิ้มแย้มกับรอบขาขึ้นใหม่ของราคาหุ้น WICE รอบนี้แบบชิล ชิล ไม่ต้องกังวลกับ “กับดักราคา” ว่าจะเกิดทำนอง “จุ๊หมาน้อยขึ้นดอย” ที่เกิดขึ้นประจำ

ค่าพี/อีของหุ้นเหลือต่ำกว่า 20 เท่า ต่ำสุดนับตั้งแต่เข้ามาในตลาดหุ้นหลายปีก่อน และการที่มีหนี้ต่ำและการเติบโตต่อเนื่องไม่มีหยุด แม้กำไรสะสมยังต่ำถือเป็นแรงจูงใจให้ซื้อมากเกินพอ

จะเล่นรอบสั้นๆ หรือสะสมไว้ในระยะยาว…ได้ทั้งนั้น