พาราสาวะถี
สิ่งที่อรชุนย้ำมาตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิดระลอกสองที่สมุทรสาคร โดยการโฟกัสไปที่แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ซึ่งความน่าสนใจอยู่ที่ว่าคนเหล่านั้นเข้ามาได้อย่างไร หากไร้ซึ่งคนอำนวยความสะดวก และลำพังประชาชนหรือพวกขบวนการค้ามนุษย์คงไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ในภาวะที่รัฐบาลอ้างว่าเข้มงวดกวดขันการลักลอบเข้าประเทศทุกช่องทาง ในที่สุด วิษณุ เครืองาม มือกฎหมายข้างกายผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็ยอมรับสารภาพเอง
อรชุน
สิ่งที่อรชุนย้ำมาตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิดระลอกสองที่สมุทรสาคร โดยการโฟกัสไปที่แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ซึ่งความน่าสนใจอยู่ที่ว่าคนเหล่านั้นเข้ามาได้อย่างไร หากไร้ซึ่งคนอำนวยความสะดวก และลำพังประชาชนหรือพวกขบวนการค้ามนุษย์คงไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ในภาวะที่รัฐบาลอ้างว่าเข้มงวดกวดขันการลักลอบเข้าประเทศทุกช่องทาง ในที่สุด วิษณุ เครืองาม มือกฎหมายข้างกายผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็ยอมรับสารภาพเอง
เป็นเพราะจำนนต่อหลักฐานหรืออธิบายอย่างไรจะให้คนเชื่อว่าไม่มีการรู้เห็นเป็นใจจากฝ่ายเจ้าหน้าที่คงเป็นไปไม่ได้ ศรีธนญชัยรอดช่องจึงยอมคายข้อมูลจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้รับรายงานเบื้องต้นว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ พลเรือน อาสาสมัคร นายจ้าง นายหน้า เกี่ยวข้องกับขบวนการแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย จึงกำชับให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและกวาดล้างผู้กระทำความผิด พร้อมเชื่อว่ามีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้อง
แม้จะออกตัวว่าต้องตรวจสอบให้ละเอียด เพราะเกรงว่าอาจจะมีการร้องเรียนที่เป็นการกลั่นแกล้งกัน ประเด็นนี้ก็อาจเป็นไปได้แค่ส่วนหนึ่งหรือสำหรับบางคนเท่านั้น แต่เชื่อได้เลยว่ามีขบวนการหากินกันเป็นล่ำเป็นสันจากการดำเนินการในลักษณะเช่นนี้ เหมือนอย่างที่ยกตัวอย่างไปแล้ววันวาน เม็ดเงินจากกรณีนี้สะพัดกันรายวันจำนวนมหาศาล โดยที่พวกเห็นแก่ตัวเหล่านี้ไม่ได้คำนึงถึงความเสียหายอันมหาศาลของประเทศชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นความตายของคนไทยด้วยกันเอง
พฤติกรรมเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากไส้ศึกในยามสงคราม ดังนั้น หากมีการตรวจสอบพบผู้กระทำผิดจริง บทลงโทษคงต้องรุนแรงกว่าปกติ ไม่ใช่แค่การทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่เท่านั้น แต่ต้องถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติอย่างยิ่ง ต้องจัดให้หนักกว่ากลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองก่อนหน้านี้ซึ่งถูกตั้งข้อหากบฎที่มีโทษถึงประหารชีวิต เพราะการรับเงินสินบนในลักษณะนี้ส่งผลต่อสุขภาพอนามัยและชีวิตของคนทั้งประเทศ
ส่วนแอ็กชันทางการเมืองจากฝ่ายค้านที่เรียกร้องให้ท่านผู้นำรวมไปถึง อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะที่ดูแลกระทรวงสาธารณสุขแสดงความรับผิดชอบนั้น ถือเป็นเรื่องปกติ แต่คงไม่มีประโยชน์อะไร เห็นได้จากการออกแถลงการณ์ผ่านทีวีพูลของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ นอกจากจะไม่แสดงความผิดชอบใด ๆ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ยังมีหน้ามาเรียกร้องให้คนไทยช่วยกันรับผิดชอบอีกต่างหาก ทั้งที่ คนส่วนใหญ่นั้นให้ความร่วมมือในการป้องกันกันอย่างเต็มที่จนรัฐบาลนำมาอ้างอยู่ทุกวันก่อนจะเกิดเหตุการณ์นี้
อย่างที่ นายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคเสรีรวมไทย ตั้งคำถาม ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเเรงงานของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจปล่อยให้แรงงานผิดกฎหมายหลุดเข้ามานำเชื้อโรคมาติดคนไทย ที่อ้างว่าต้องใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉินเท่านั้นจึงจะเอาอยู่ วันนี้จะตอบประชาชนอย่างไร เมื่อการป้องกัน เฝ้าระวัง พังพินาศขนาดนี้ หากเป็นผู้นำที่ดีและมีสำนึกต้องไม่ใช่การออกมาบอกว่าคนไทยต้องช่วยกัน
เวลานี้ไม่เพียงแต่จะต้องไปสืบค้นหาและนำตัวพวกเหลือบเห็นแก่ได้เหล่านั้นมาลงโทษเท่านั้น หากแต่บรรดาโรงงานหรือสถานประกอบการที่เห็นแก่ได้เห็นแก่ตัวทั้งหลาย ก็ต้องเข้าไปจัดการลงโทษสถานหนัก อย่างกรณีโรงงานที่มหาชัยไล่แรงงานต่างด้าวให้พ้นจากโรงงานเพราะกลัวความผิด เนื่องจากเป็นแรงงานเถื่อน โดยนำไปทิ้งไว้ในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ นอกเหนือจากแสดงให้เห็นธาตุแท้ของพฤติกรรมไม่ใช่คนแล้ว ยังถือเป็นการโยนภาระความเสี่ยงจากการกระจายโรคไปยังพื้นที่อื่นด้วย
นี่แค่กรณีเดียวที่มีแรงงานต่างด้าว 14 คนถูกทิ้งที่บางพลีโดยที่มีการขนมา 24 ราย ซึ่งอีก 10 รายนั้นถูกนำไปส่งยังพื้นที่ที่แรงงานเหล่านั้นระบุว่ามีญาติพักอาศัยอยู่ ก็เท่ากับว่าเป็นการเพิ่มพื้นที่เสี่ยงของการแพร่ระบาดโรคไปโดยปริยาย ถือเป็นความอำมหิตอย่างยิ่งของเจ้าของโรงงานรายนี้ ที่ต้องใช้กฎหมายเล่นงานให้หนัก และยังไม่รู้ว่ามีผู้ประกอบการเห็นแก่ได้ ไร้จิตสำนึกอีกจำนวนเท่าไหร่ที่มีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกัน อันถือเป็นภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องเร่งคลี่คลายสถานการณ์
ต้องยอมรับความเป็นจริงกันว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมานั้น ภาครัฐมุ่งเน้นแต่ขอความร่วมมือกับคนไทย ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจนทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาประเทศในเรื่องของการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ไม่เคยมีการพูดถึงมาตรการหรือการรับมือกับขบวนการค้ามนุษย์ การลักลอบนำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศไทย ก็อย่างที่ยกเอาข้อเสนอของส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคก้าวไกล มาอธิบายไปเมื่อวันก่อน
ไม่รู้ว่าเพราะไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ หรือเพราะไม่อยากให้ภาคผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ เนื่องจากรัฐบาลหวังที่จะให้เศรษฐกิจทุกภาคส่วนสร้างรายได้ให้กับประเทศอันจะเป็นฐานค้ำยันเสถียรภาพของรัฐบาลได้อย่างมั่นคง ซึ่งก็รวมไปถึงความพยายามที่จะผลักดันให้มีการลดวันกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศก่อนหน้านี้ โดยหวังจะเรียกเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาในประเทศไทย
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าเป็นความสะเพร่า และเป็นภาพสะท้อนอย่างชัดเจนว่านี่คือความแตกต่างของผู้บริหารมืออาชีพกับพวกที่พยายามจะแสดงตัวว่าเป็นนักบริหารแต่ไร้วิสัยทัศน์และขาดการมองสภาพของปัญหาอย่างรอบด้าน ขณะเดียวกันต้องยอมรับความเป็นจริงว่า เสียงสะท้อนของฝ่ายที่อยู่ต่างรัฐบาลทั้งที่เป็นไปด้วยความหวังดีนั้น ไม่ได้ถูกมองเห็น หากเปิดใจให้กว้างแล้วนำเอาคำพูดที่ว่า “ผมรับฟังทุกฝ่าย” ไปสู่ภาคปฏิบัติด้วยการเชิญทุกคนทุกฝ่ายมาระดมความเห็นช่วยกันแก้ปัญหาอย่างจริงจัง แค่เฉพาะกรณีโควิด-19 เชื่อได้เลยว่าโอกาสที่จะเกิดสถานการณ์อย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้คงมีได้น้อยนิด