พาราสาวะถี
สถานการณ์โควิด-19 กำลังเดินสวนทางกันในแง่ของตัวเลขแรงงานต่างด้าวที่สมุทรสาครที่พบว่าการพบผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงต่อเนื่อง ขณะที่คนไทยในพื้นที่ต่าง ๆ พบการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น นี่คือสัญญาณว่าการระบาดระลอกสองนั้นจะขยายวงกว้างไปขนาดไหน มาตรการสืบสวนสอบสวนโรคที่ได้ผลมาก่อนหน้านี้กรณีของการพบผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จะนำมาใช้ขีดวงการติดเชื้อของคนไทยในประเทศได้ผลหรือไม่
อรชุน
สถานการณ์โควิด-19 กำลังเดินสวนทางกันในแง่ของตัวเลขแรงงานต่างด้าวที่สมุทรสาครที่พบว่าการพบผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงต่อเนื่อง ขณะที่คนไทยในพื้นที่ต่าง ๆ พบการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น นี่คือสัญญาณว่าการระบาดระลอกสองนั้นจะขยายวงกว้างไปขนาดไหน มาตรการสืบสวนสอบสวนโรคที่ได้ผลมาก่อนหน้านี้กรณีของการพบผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จะนำมาใช้ขีดวงการติดเชื้อของคนไทยในประเทศได้ผลหรือไม่
เป็นเครื่องหมายคำถามสำคัญ เพราะฐานตั้งต้นของการแพร่เชื้อที่เกิดจากตลาดกลางกุ้ง สมุทรสาครนั้น ตัวการกระจายเชื้อไม่ใช่แรงงานต่างด้าวที่ยังคงอยู่กันหนาแน่นในพื้นที่ และถูกจำกัดความเคลื่อนไหวจึงทำให้กระบวนการคัดกรองตรวจหาเชื้อ ป้องกันและรักษาเป็นไปได้โดยง่าย หากแต่กรณีของผู้ค้าหรือคนทั่วไปที่ไปหาซื้ออาหารทะเลหรือสัตว์น้ำในพื้นที่มหาชัย กลายเป็นจุดที่ต้องตรวจสอบกันหนัก โดยเฉพาะกรณีของพ่อค้าแม่ขาย
มีตัวอย่างให้เห็นแล้วจากรายของผู้ติดเชื้อสองสามีภรรยาชาวอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งไปซื้ออาหารทะเลมาเร่ขายในรูปแบบรถพุ่มพวง ก่อนจะเดินทางกลับไปถึงบ้านเกิด มีการตระเวนขายตามโรงงานและสถานที่ก่อสร้างต่าง ๆ ตั้งแต่โคราชและขอนแก่น นั่นหมายความว่า มีการพบปะผู้คนจำนวนมาก ลักษณะเช่นนี้กระบวนการสอบสวนโรคสามารถติดตามตัวกลุ่มเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำได้ครบทุกคนหรือไม่ ถ้าไม่นั่นหมายความว่า มีโอกาสที่จะเกิดการแพร่เชื้อไปได้อีกมาก
นี่แค่กรณีเดียว ยังไม่นับรวมพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งแทบจะทุกรายของผู้ติดเชื้อจะพบว่ามีการใช้ชีวิตประจำวันเป็นปกติ บางรายเดินทางไปในหลายสถานที่ มีทั้งสวมและไม่สวมหน้ากากอนามัย นั่นเท่ากับว่า หากมีเชื้ออยู่แล้วก่อนที่จะตรวจพบ ย่อมเป็นระยะที่เชื้อมีความรุนแรง ดังนั้น จึงมีโอกาสในการที่จะแพร่เชื้อได้สูง จึงถือเป็นโจทย์ยากอย่างยิ่งสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข มันจึงไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่ผู้นำเผด็จการว่าเดี๋ยวนี้ถ้าเจอกินยาทันรับรองรักษาหายหมดทุกราย
สิ่งที่คนส่วนใหญ่ย้อนถามกลับไปยังท่านผู้นำก็คือ การรองรับจำนวนผู้คนหากเกิดพบการติดเชื้อนั้น แต่ละพื้นที่มีศักยภาพเพียงพอและมีประสิทธิภาพขนาดไหน ไม่ต้องถามถึงเรื่องความมีน้ำใจ การเสียสละของคนไทยโดยภาพรวม ย้ำกันมาตลอดที่อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงก่อนที่จะเกิดเคสสมุทรสาครนั้น นอกจากฝีมือของบุคลาการทางการแพทย์และสาธารณสุขแล้ว ล้วนมาจากการร่วมแรงร่วมใจอย่างดียิ่งของคนไทยทุกคน เช่นนี้แล้วยังจะไม่เรียกว่าให้ความร่วมมืออีกหรือ
ดังนั้น ในสถานการณ์ที่ดำเนินไปในเวลานี้ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนทุกคนคือการสร้างวัคซีนป้องกันให้กับตัวเองเท่านั้น หากมีความจำเป็นต้องออกไปนอกบ้านสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ล้างมือให้บ่อย ๆ เว้นระยะห่างและหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่คนแออัด น่าจะปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง เพราะถ้าจะให้ยืนยันว่าปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นคงไม่เป็นไม่ได้ การก้าวขาออกจากบ้านก็เท่ากับว่าคุณกำลังเผชิญกับความเสี่ยง จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับคนป่วยในแต่ละพื้นที่ว่ามีจำนวนเท่าใด
ในขณะที่ปุจฉาต่อความรับผิดชอบของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการระบาด ที่มาจากสมมติฐานว่าเกิดจากแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายนั้น ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะออกลูกขึงขังว่าต้องหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ โดยไม่เชื่อว่าท้องที่ไม่รู้ก่อนที่จะออกตัวว่าการที่จะสาวไปถึงตัวผู้บงการนั้นคงทำได้ยาก ไม่ต้องไปถึงขนาดนั้น เอาแค่ว่าในแง่ของความรับผิดชอบของคนที่ดูแลหน่วยงานด้านความมั่นคงและตำรวจก็น่าจะเพียงพอแล้ว
แล้วใครที่กำกับดูแลทั้งกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเองมิใช่หรือ อย่ามัวแต่ทำไขสือแล้วโทษโน่นนี่นั่น รวมไปถึงการเรียกร้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะนี่คือความผิดพลาดมหันต์กับการเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของคนแค่หยิบมือเดียว อันเป็นผลพวงมาจากการขาดวิสัยทัศน์และความเข้มงวดของผู้บังคับบัญชา อย่ามาอ้างว่าเพราะชายแดนมันยาวเจ้าหน้าที่เอาไม่อยู่ มันเป็นเหตุผลที่บ้องตื้นและมักง่ายเป็นอย่างยิ่ง
เอาแค่ว่า ช่องทางตามธรรมชาติที่มักจะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศนั้น มันจะมีซักกี่แห่งเชียว สิ่งสำคัญคือหากเป็นการลักลอบเข้ามาจากฝั่งอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก หรือทางจังหวัดกาญจนบุรี ถามว่า ระยะทางจากสองจังหวัดนี้กว่าจะเดินทางมาถึงสมุทรสาครมันใกล้กันอย่างนั้นหรือ และเมื่อลักลอบเข้ามาแล้ว คนเหล่านั้นที่มากันจำนวนต้องเป็นหลักสิบขึ้นไป ใช้วิธีการเดินเท้ามายังเป้าหมายหรือเปล่า ทุกกระบวนการของขบวนการเหล่านี้มีที่มาที่ไปทั้งสิ้น อยู่ที่ว่าจะจัดการกันเด็ดขาดกันหรือไม่
ยิ่งเป็นท่านผู้นำที่อ้างเรื่องของข้อกฎหมายตลอดเวลา กรณีที่เกิดขึ้นกับการระบาดระลอกสองของโควิด-19 ที่มีต้นตอมาจากแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายนั้น เป็นสิ่งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้เด็ดขาด แต่ก็อย่างว่าข้อกฎหมายที่กล่าวอ้างนั้น จะใช้ได้ก็เฉพาะกับคนที่เห็นต่างหรืออยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเท่านั้น พวกเดียวกันไม่มีความผิด แม้กระทั่งตัวผู้นำเองกับความผิดพลาดเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณนั้นก็ถือว่าหนักหนาสาหัสที่สมควรต้องแสดงสปิริตไปตั้งนานแล้ว
เหมือนที่ พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์นิด้าแสดงความเห็นล่าสุด ของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยจำนวนมากในช่วงปีใหม่คือ การประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่สอนให้คนเคารพกฎหมายนั้น ก่อนสอนคนอื่นให้ดูตนเองและพวกพ้องเสียก่อนว่าทำอย่างที่สอนสมบูรณ์หรือยัง มีการกระทำหลายครั้งที่ไม่เคารพกฎหมายหรือแม้แต่หลักธรรมาภิบาล เช่น การถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ การกระทำที่เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน และใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง เป็นต้น
ส่วนการบอกว่าจะลงโทษผู้ทุจริตสถานหนัก เห็นพูดมาหลายปีแล้วก็ได้แต่พูดไปเรื่อย ๆ ตามบทโดยแทบไม่มีผลงานในเรื่องนี้ ไม่สมราคาคุย และเป็นยุคที่การทุจริตฝังลึกลงไปอีกระดับ ข้อนี้มีข้อเท็จจริงยืนยันจากปากคำของประธานป.ป.ช.เองที่ว่ายุคสมัยของรัฐบาลคสช.ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันมีการทุจริตมากที่สุด ต้องขีดเส้นใต้ตามที่พิชายว่า หากสมัยทักษิณการทุจริตฝังลึกในระดับกล้ามเนื้อ ยุคประยุทธ์การทุจริตน่าจะฝังลึกในระดับกระดูกไปแล้ว