พาราสาวะถี
ออกอ่าวออกทะเลกันไปใหญ่ ในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกสองที่รุนแรงกว่าครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องตั้งสติให้มั่น พิจารณาให้ถี่ถ้วนวันนี้จะเลือกปกป้องชีวิต ดูแลสุขภาพของคนไทยทุกคนให้แข็งแรงปลอดภัย หรือห่วงเรื่องของเศรษฐกิจ ปากท้องเป็นสำคัญ จากนั้นค่อยออกมาตรการมาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่สะเปะสะปะ สะท้อนให้เห็นถึงอาการเป๋เมื่อต้องเผชิญกับเหตุเฉพาะหน้าที่หนักหน่วง
อรชุน
ออกอ่าวออกทะเลกันไปใหญ่ ในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกสองที่รุนแรงกว่าครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องตั้งสติให้มั่น พิจารณาให้ถี่ถ้วนวันนี้จะเลือกปกป้องชีวิต ดูแลสุขภาพของคนไทยทุกคนให้แข็งแรงปลอดภัย หรือห่วงเรื่องของเศรษฐกิจ ปากท้องเป็นสำคัญ จากนั้นค่อยออกมาตรการมาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่สะเปะสะปะ สะท้อนให้เห็นถึงอาการเป๋เมื่อต้องเผชิญกับเหตุเฉพาะหน้าที่หนักหน่วง
สองกรณีที่ชี้วัดความแกว่งในกระบวนการบริหารจัดการที่ท่านผู้นำอ้างมาโดยตลอดว่าใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินคุมสถานการณ์โควิด-19 เพื่อความเป็นเอกภาพและไม่ให้มาตรการที่ออกมาเหมือนต่างฝ่ายต่างทำ แต่หลังจากเหตุการณ์ฝีแตกที่ตลาดกลางกุ้ง สมุทรสาคร คณะทำงานของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ กลับเลือกที่จะโยนภาระหน้าที่ทั้งหลายทั้งปวงกลับไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดการ โดยใช้พ.ร.บ.โรคติดต่อเป็นตัวนำ แล้วใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาเป็นตัวค้ำเพื่อไม่ให้กังวลเรื่องความรับผิดชอบทางกฎหมาย
แต่สุดท้ายมันก็หนีไม่พ้นที่ต้องวกกลับมาใช้อำนาจส่วนกลางเข้าไปแทรกแซงมาตรการที่ทางฝ่ายปฏิบัติได้มีมติและดำเนินไปอยู่ดี เช่น คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครมีมติให้งดนั่งรับประทานอาหารในร้านตั้งแต่เวลา 1 ทุ่มถึง 6 โมงเช้า ท่านผู้นำในฐานะประธานศบค.ก็ออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงใหม่ให้เป็นเวลา 3 ทุ่มถึง 6 โมงเช้า โดยให้เหตุผลว่าเห็นอกเห็นใจผู้ประกอบการ และเชื่อมั่นว่ามาตรการที่วางไว้ทางร้านจะนำมาใช้อย่างเคร่งครัดจึงผ่อนปรน
ขณะที่กรณีของการประกาศล็อกดาวน์จากเดิมมีแค่สมุทรสาคร ก็เพิ่มเติมเข้าไปอีก 4 จังหวัดคือ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด คล้อยหลังไม่ถึง 24 ชั่วโมงเมื่อนักข่าวไปถามผู้นำเผด็จการก็โบ้ยไปว่าให้ไปอ่านคำสั่งที่ออกมาให้ละเอียดจะได้รู้ว่าเป็นการล็อกดาวน์หรือไม่ ส่วน วิษณุ เครืองาม ก็ย้ำว่า นี่ไม่ใช่การล็อกดาวน์ ให้ใช้คำที่เข้าใจว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการใช้มาตรการระยะที่ 1 ซึ่งมีความหนักเบา รุนแรงและไม่รุนแรงในพื้นที่สลับกันไป
ชัดเจนว่า การเลี่ยงบาลีไม่ใช้คำว่าล็อกดาวน์ด้วยการโยนภาระไปตกบนบ่าของผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น เพื่อที่จะไม่ต้องมีการพูดถึงมาตรการเยียวยา ที่เวลานี้ต้องยอมรับความจริงกันว่า รัฐบาลจนปัญญาแล้วจริง ๆ ที่จะหาเม็ดเงินมาช่วยเหลือหากจะต้องยกระดับมาตรการเข้มข้นเหมือนเมื่อการระบาดระลอกแรก แต่การยึกยักยึดยื้อเช่นนี้ มีคำถามตามมาว่า แล้วการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์มันจะทันต่อการแพร่ระบาดของเชื้อที่พบว่าขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ หรือไม่
ความเห็นของ นายแพทย์ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ควรที่ฝ่ายกุมอำนาจต้องนำมาขบคิดและใช้วิจารณญาณอย่างชาญฉลาด การดำเนินการจากส่วนกลางไม่เข้มข้นอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่วิกฤติมาก มาตรการที่ออกมา 8 ข้อนั้น ไม่ใช่เสือ ไม่ใช่สิงโต ไม่ใช่หมาจิ้งจอก แต่ตอนนี้เปรียบเหมือน “สล็อธติด THC” ที่นอกจากจะวิ่งไม่ไหวแล้ว ก็จะเชื่องช้าในการต่อสู้ เห็นภาพหลอนแบบมองกงจักรเป็นดอกบัว
คงต้องมีคนกระตุกขาให้ฉุกคิดให้ดีว่าจะทำแบบรวมศูนย์ หรือแบบดาวกระจาย ปล่อยไว้แบบนี้จะสะเปะสะปะ ไม่เป็นเอกภาพ และจะไม่สามารถทำให้ทุกคนรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการสู้ศึกครั้งนี้ ไม่เข้มข้นให้ทันเวลา ถ้าระบาดหนักมันจะพังพาบกันทั้งประเทศระยะยาว เวลาเหลืออีกไม่มากนัก และกรุณาอย่าย้อนว่าถ้าไม่อยากติดเชื้อก็ให้อยู่กับบ้านด้วยตัวเอง การตอบแบบนี้ไม่โอเค เพราะหากคิดเช่นนั้น ก็แปลว่า “ไม่ต้องมีคนมาบริหารก็ได้” ให้แต่ละคนอยู่กันเองเอาตัวรอดกันเองตามมีตามเกิด
ที่ต้องขีดเส้นใต้ก็คือ หากรักประชาชนต้องปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต ตอนนี้เชื้อโรคมันอาละวาดไปทั่ว ปล่อยให้กระจายแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เศรษฐกิจที่ห่วงในระยะสั้นนี้จะหมดความสำคัญไปเลยหากระบาดกันทั่วหน้า ทั้งระบบเศรษฐกิจ สุขภาพ และความมั่นคงของประเทศจะพังกันเป็นโดมิโนในระยะยาว มายาคติจากกลุ่มการเมืองใกล้ตัว นำพาให้ประสบปัญหาภาพหลอนเรื่องต่าง ๆ ทั้งยาเสพติดรักษาสารพัดโรค เอาอยู่ กระจอก ความสามารถของระบบมาตรฐานระดับโลก
ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่และไม่พอที่จะจัดการปัญหาการระบาดซ้ำได้ หากดูข้อมูลและประเมินตามจริง และสถานการณ์ปัจจุบัน ก็แสดงให้เห็นแล้วคงต้องถามตรง ๆ จะยอมให้พังอีกกี่ครั้งด้วยเหตุเดิม ๆ ทั้งนี้ นายแพทย์ธีระได้ยืนยันว่า เหตุผลที่ต้องทักตรง ๆ เช่นนี้ เพราะหวังว่าจะตื่นจากภวังค์ได้ทันเวลา และทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ หากไม่รักไม่เคารพจะไม่ทักเช่นนี้ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นเพราะคุณหมอท่านนี้กับจุดยืนในมิติทางการเมืองนั้นเป็นที่รับรู้กันในสังคมดี
แต่ด้วยท่วงทำนองของรัฐบาลที่เห็นกันอยู่เวลานี้ คงต้องนำเอาคำเตือนของหมอธีระมาปฏิบัติใช้กันเองด้วยเหตุผลที่ว่า ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ประชาชนแต่ละคนแต่ละครอบครัวต้องรับรู้ว่าเรากำลังเผชิญกับอันตรายจากโรคระบาดที่หนักมาก คุกคามต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต และจำเป็นจะต้องเอาตัวรอดให้ได้ ด้วยการ “อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อตัวเอง” ใส่หน้ากากเสมอเวลาจำเป็นต้องออกไปจากบ้าน ล้างมือ อยู่ห่าง ๆ กินดื่มคนเดียว ไม่กินในร้าน เลี่ยงขนส่งสาธารณะ และงดกิจกรรมสังคมทุกประเภท
สิ่งสำคัญภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต้องทำในสิ่งที่ควรทำให้ทันเวลา และเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ หากไม่รู้ว่าจะทำอะไรจะเชื่ออะไร ก็ขอให้แต่ละคนใช้สติ และปัญญา คิดไตร่ตรอง ตามหลักเหตุและผล ประกอบกับให้ดูสถานการณ์รอบตัวที่เห็นเองเจอเองมาพิจารณาก่อนตัดสินใจ คงไม่ต้องไปเรียกร้องถามหาความรับผิดชอบใด ๆ คงไม่ต้องไปหวังอะไรมากจากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่กำลังเป๋อย่างหนัก โดยมีลิ่วล้อสอพลอคอยแต่จะก้มหน้าแนะนำไปเรื่อยเปื่อย ประสาได้ครับพี่ ดีครับท่าน ทันครับผม เหมาะสมครับนาย
ถ้าไม่โกหกตัวเองปมแรงงานลักลอบและบ่อนพนัน คือคำตอบของปัญหาที่เกิดขึ้นเวลานี้ ไม่ใช่ตอกย้ำเพื่อถามถึงความรับผิดจากท่านผู้นำที่รู้ดีว่ามันไม่มีและเป็นไปไม่ได้ แต่แค่อยากจะให้สำเหนียกกันว่า ด้วยการไร้วิสัยทัศน์หรือการมองข้ามเรื่องสำคัญเหล่านี้ จะด้วยเหตุผลคาดไม่ถึงหรือปล่อยให้พรรคพวกได้หากิน แต่สิ่งนี้มันกำลังจะนำหายนะมาสู่ประเทศชาติและประชาชน ทั้งที่คนไทยทุกคนให้ความร่วมมือกันอย่างดีเกินกว่าสิ่งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเรียกร้องว่ารวมใจไทยสร้างชาติไปเสียด้วยซ้ำ