ARROW กำไรเด่น

ARROW ทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังน่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายสำคัญเน้นลดต้นทุนในการผลิต เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น ส่วนรายได้รวมยังคงตั้งเป้าไว้ที่ 1,200 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 190 ล้านบาท และคาดว่าจะมีงานใหม่ทยอยเข้ามาทั้งจากภาครัฐและเอกชน


–คุณค่าบริษัท–

 

เบอร์ 1 แห่งผู้นำธุรกิจท่อร้อยสายไฟของประเทศไทย ต้องยกให้ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW จัดเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายท่อเหล็กเคลือบสังกะสีสำหรับร้อยสายไฟและข้อต่อต่างๆ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “Arrowpipe” “Arrowtite” และ “Union” และผลิตท่อน้ำประปาและข้อต่อต่างๆ จากพลาสติกโพลิโพรพิลีน ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ArrowPP-R”

ทั้งนี้ยังมีบริษัทย่อย (JSVT) ผลิตและจำหน่ายท่อระบายอากาศภายภายใต้เครื่องหมายการค้า “Arrow duct” และท่อสำหรับงานก่อสร้างที่ผลิตจากเหล็กเคลือบสังกะสี โดยลูกค้าของบริษัทและบริษัทย่อยประกอบไปด้วยกลุ่มธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 75 และ โรงงานอุตสาหกรรมร้อยละ 25

ถือว่าไม่แปลกที่บริษัทขนาดเล็กอย่าง ARROW จะโชว์ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดตั้งแต่บริษัทเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เมื่อปี 2555 จนถึงปัจจุบันได้อย่างแข็งแกร่ง สำหรับในปี 2555 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 93.52 ล้านบาท ต่อมาในปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 129.63 ล้านบาท และในปี 2557 บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 148.41 ล้านบาท

ส่วนปัจจุบันผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 291.56 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 224.22 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 56.41 ล้านบาท หรือ 0.24 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 29.12 ล้านบาท หรือ 0.13 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 605.87 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 471.55 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 118.57 ล้านบาท หรือ 0.52 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 64.97 ล้านบาท  หรือ 0.29 บาทต่อหุ้น สะท้อนว่ากำไรสุทธิแข็งแกร่งมาก และเชื่อว่าปีนี้พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินเพื่อให้เป็นตัวแปรในการลงทุนพบว่า ฐานะทางการเงินยังคงแข็งแกร่ง  เพราะบริษัทยังคงมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 591.96 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 82.98 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 7.14 เท่า แสดงว่า สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทมีมากเกินความจำเป็นเสียด้วยซ้ำ และอาจก่อเกิดทุนจมได้

ขณะที่ปัญหาหนี้สินของบริษัทไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะบริษัทมีหนี้สินรวมแค่ 99.55 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น 820.00ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.13 เท่า แสดงว่า บริษัทปลอดจากปัญหาหนี้สินจริงๆ และจะไม่มีปัญหาต่อผลการดำเนินงานในอนาคตอย่างแน่นอน

อีกทั้งมีข้อมูลจากผู้บริหารระบุว่า ทิศทางธุรกิจของบริษัทช่วงครึ่งปีหลังน่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายสำคัญ คือ ยังคงมุ่งเน้นลดต้นทุนในการผลิต เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25-30% ส่วนรายได้รวมยังคงตั้งเป้าไว้ที่ 1,200 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 190 ล้านบาท และคาดว่าจะมีงานใหม่ทยอยเข้ามาทั้งจากภาครัฐและเอกชน

สำหรับโรงงานท่อร้อยสายไฟใต้ดินชนิดอีพ็อกซีเรซินเสริมใยแก้ว ขณะนี้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นที่เรียบร้อยแล้วเป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเริ่มดำเนินการผลิตได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้ และจะทยอยรับรู้รายได้ต้นปี 2559 โดยน่าจะสร้างรายได้อย่างมั่นคงในอนาคต

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.นายเลิศชัย วงค์ชัยสิทธิ์ 71,908,017 หุ้น 28.64%

2.บริษัท แอลเค ซินดิเคท จำกัด 62,528,874 หุ้น 24.91%

3.นางประครอง นามนันทสิทธิ์ 17,686,806 หุ้น 7.04%

4.นางกมลภัทร วงค์ชัยสิทธิ์ 10,778,510 หุ้น 4.29%

5.น.ส.สี แซ่เตีย 9,003,976 หุ้น 3.59%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นายศิริเดช พูลเรือง ประธานกรรมการ

2.นายเลิศชัย วงค์ชัยสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

3.นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ

4.นายเลิศชัย วงค์ชัยสิทธิ์ กรรมการ

5.นายภาณุพงศ์ วิจิตรทองเรือง กรรมการ

Back to top button