พาราสาวะถี
ยิ่งปิดยิ่งโผล่ ยิ่งกลัวฉาวโฉ่ยิ่งมีหลักฐานหลุดรอดมาประจานอยู่เนือง ๆ เรื่องของบ่อนพนัน ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนโดยอ้างว่าจะนำไปสู่การจัดการแบบเด็ดขาดกับขบวนการเย้ยกฎหมายเหล่านี้ แต่ไม่กี่วันก่อนก็มีการจับบ่อนในเมืองกรุงอีกกระทอก พร้อมกับการรับสารภาพและโยนความรับผิดชอบไปให้ตำรวจทันทีโดย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หนีไม่ออกบอก “รู้กันอยู่แล้วว่ามีบ่อน” แต่เป็นหน้าที่ของฝ่ายสีกากีที่ต้องทำให้บ่อนไม่มีอีกต่อไป
อรชุน
ยิ่งปิดยิ่งโผล่ ยิ่งกลัวฉาวโฉ่ยิ่งมีหลักฐานหลุดรอดมาประจานอยู่เนือง ๆ เรื่องของบ่อนพนัน ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนโดยอ้างว่าจะนำไปสู่การจัดการแบบเด็ดขาดกับขบวนการเย้ยกฎหมายเหล่านี้ แต่ไม่กี่วันก่อนก็มีการจับบ่อนในเมืองกรุงอีกกระทอก พร้อมกับการรับสารภาพและโยนความรับผิดชอบไปให้ตำรวจทันทีโดย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หนีไม่ออกบอก “รู้กันอยู่แล้วว่ามีบ่อน” แต่เป็นหน้าที่ของฝ่ายสีกากีที่ต้องทำให้บ่อนไม่มีอีกต่อไป
โบ้ยแบบไม่ใยดี หรือเป็นเพราะตัวเองไม่ได้คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว แต่นั่นเท่ากับโยนภาระให้ไปน้องรักน้องเล็กเต็ม ๆ ชัดเจนว่าขบวนการนี้ไม่ได้เกรงกลัวต่อกฎหมาย ไม่หวั่นไหวต่อประกาศิตของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแม้แต่น้อย ล่าสุด ก็พบว่ามีโต๊ะสำหรับเล่นบาคาร่าหล่นมาจากรถที่ขนร่วงอยู่กลางถนนย่านลาดกระบัง เป็นหลักฐานชิ้นดีที่ต้องสืบสาวต่อไปว่าขนมาจากไหน นำไปเก็บที่ไหน แล้วมีใครเกี่ยวข้องบ้าง
ของพรรค์อย่างนี้ขนาดที่พี่ใหญ่ถึงกับยอมจำนนว่ารู้กันอยู่แล้ว คงไม่ต้องถึงกับตั้งคณะกรรมการขึ้นมาให้เสียเวลาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ แค่เรียกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้ามาคุย ก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วว่ามีกันที่ไหนอย่างไร ทั้งบ่อนวิ่ง บ่อนใหญ่ บ่อนลอยฟ้า ในสถานการณ์ที่บ่อนเพื่อนบ้านเดินทางไปลำบาก บ่อนพวกนี้ย่อมเป็นที่นิยมของผีพนันในบ้านเรา ไม่ต้องพูดถึงเม็ดเงินสีดำที่สะพัดว่าอยู่มหาศาลขนาดไหน ยิ่งปล่อยให้เนิ่นนานโดยไร้ข้อสรุปใด ๆ ท่านผู้นำก็หนีไม่พ้นข้อครหารู้เห็นเป็นใจหรือรู้อยู่แล้วว่าไผเป็นไผแต่ไม่กล้าแตะใช่หรือไม่
อย่าลืมเป็นอันขาดในอดีตหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญต่อการป้องกันและกวาดล้างบ่อนพนันนั้น ด้านหลักเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีฝ่ายปกครองจะเป็นตัวสอดแทรกและเป็นอันรู้กันว่า เรื่องของผลประโยชน์นั้นต้องมีการแชร์ เพราะถ้าไม่ลงตัวก็จะเกิดการหักหน้าประจานกันเป็นระยะ แต่หลังจากการยึดอำนาจเมื่อปี 2557 ก็มีอีกหนึ่งสีเข้ามาเกี่ยวข้องและยิ่งใหญ่เสียด้วย จึงต้องหารสามแต่ด้วยเม็ดเงินมหาศาลมันจึงไม่มีการปีนเกลียวกันเกิดขึ้น
ไม่ต่างกันกับกรณีของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย กับกรณีล่าสุดอีกเหมือนกันที่พบ 18 โรงฮิงญาหลบซ่อนอยู่ภายในบ้านหลังตลาดใหม่ดอนเมือง และเมื่อจับตรวจหาเชื้อโควิดก็พบว่า 7 คนให้ผลเป็นบวกและการอยู่แออัดกันแบบนั้นที่เหลือก็คงไม่รอดเหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญ คำถามที่ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคตั้งข้อกังขาคือ เข้าใจว่าคนพวกนี้มาโดยช่องทางธรรมชาติ แต่การเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ไม่ใช่ระยะทางใกล้ ๆ คงไม่เดินเท้ากันเข้ามา
เช่นเดียวกับที่พักอาศัยในกรุงเทพฯ คงไม่ได้มาเช่าหาเพื่อหลบหนีกันเอง สิ่งที่บุคลากรด้านการแพทย์ตั้งข้อสงสัยนั้น มันก็เหมือนเป็นการตบหน้าฝ่ายที่ดูแลความมั่นคงโดยตรง ความละโมบโลภมากโดยใช้ความปลอดภัยในชีวิตของคนไทยเป็นเครื่องสังเวยนั้น มันคุ้มกันหรือไม่ ได้ยินเช่นนี้ถามว่ายังจะปล่อยผ่านหรือยื้อเวลาเพื่อช่วยเหลือกันให้ไม่ต้องรับผิดใด ๆ อีกหรือ ไม่ต้องใส่ใจต่อคำตอบของพี่ใหญ่ในรัฐบาลที่บอกว่ากำลังสอบสวนอยู่ ดีที่ไม่บอกว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ (ฮา)
เหมือนที่คนส่วนใหญ่สงสัยและชี้นิ้วไปตั้งแต่เกิดเหตุที่สมุทรสาคร กรณีนี้ถือเป็นความผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรงของฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ตำรวจ แน่นอนว่าทั้งสองหน่วยงานนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจโดยตรง จะตีกรรเชียงเลี่ยงบาลีเพื่อไม่ให้ตัวเองมีส่วนรับผิดชอบยังไงก็ลำบาก ความจริงกรณีเช่นนี้เมื่อพบเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิดแล้ว โทษที่มีตามกฎหมายทั้งทางวินัยและอาญานั้นต้องจัดให้สถานหนักและควรจะเพิ่มโทษที่รุนแรงกว่าที่บัญญัติไว้เสียด้วยซ้ำไป
กรณีของกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ยัดเยียดข้อกล่าวหาว่าเป็นพวกสร้างความปั่นป่วน เป็นภัยต่อความมั่นคงนั้น แท้ที่จริงแล้วกลุ่มเคลื่อนไหวเหล่านั้นเป็นภัยแค่ความมั่นคงในตำแหน่งของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะเท่านั้น หาใช่ความมั่นคงของชาติไม่ แต่พวกที่พากันขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาจนเกิดวิกฤติโควิดระลอกสองนี้ นี่คือภัยของความมั่นคงไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงของชาติ เศรษฐกิจ สังคม และความปลอดภัยในสุขภาพของคนทั้งประเทศ
คนที่ชอบอ้างกฎหมายอย่างผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ควรสำเหนียกต่อประเด็นนี้ และไม่ต้องหาทางที่จะเปิดปฏิบัติการณ์ไอโอเพื่อลดทอนกระแสที่ตัวเองจะต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ ถ้ารับผิดไม่ได้ด้วยข้ออ้างคนเป็นผู้นำไม่อาจรู้ได้ทุกเรื่อง ก็ช่วยจัดการลากคอพวกที่กระทำผิดทั้งสองกรณีนี้มาดำเนินคดีทางกฎหมายให้ได้โดยเร็ว และกรณีโรฮิงญาที่ดอนเมืองกับบ่อนพนันที่โผล่มาประจานเป็นระยะ น่าจะเป็นบทพิสูจน์ว่าความศักดิ์สิทธิ์ในคำสั่งและน้ำยาของท่านผู้นำว่ายังคงเข้มขลังหรือไม่
กลายเป็นประเด็นให้คนในพื้นที่ 5 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด แตกตื่นกันอย่างมาก กับคำสั่งของท่านผู้นำที่ออกมาเมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมาแล้วให้มีผลในวันรุ่งขึ้น ก่อเกิดความปั่นป่วนกับประชาชนในพื้นที่จำนวนมาก เพราะข้อกำหนดที่ยกระดับควบคุมการเดินทางขั้นสูงสุดนั้น ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว หากจะออกนอกพื้นที่จะต้องมีหนังสือรับรองการเดินทางออกนอกพื้นที่ ที่ออกโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ควบคู่กับเอกสารแสดงตน
ทำให้วันต่อมาประชาชนพากันแห่แหนไปที่อำเภอ เพื่อยื่นคำร้องของหนังสือรับรองดังว่า แทนที่จะเป็นการป้องกันการระบาดโควิด-19 จะกลายเป็นที่รวมพลและสุ่มเสี่ยงหนักข้อเข้าไปอีก ถือเป็นภาพสะท้อนของการออกคำสั่งโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาและไม่ได้เตรียมความพร้อมไว้รองรับแม้แต่น้อย เห็นด้วยกับ ขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี จากพรรคก้าวไกลว่า คำสั่งดังกล่าวนั้นมันจะเป็นการซ้ำเติมปัญหาแทนที่จะแก้ปัญหาหรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนั้นคำสั่งที่ออกมาย่อมไม่ศักดิสิทธิ์ และจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย