ย่ำก่อนขึ้นโมนิก้าและทีมงาน
*แม้ตลาดหุ้นไทยอาจมีความผันผวนเล็กๆ น้อยๆ แฝงไว้เป็นประจำก็จริง แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า เป็นความผันผวนในทิศทางขาขึ้น ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้แรงซื้อแรงขายกระจัดกระจายไปยังหุ้นทุกกลุ่ม ไม่มีหุ้นกลุ่มไหนที่เป็นดาวเด่นของตลาดหุ้น ส่งผลให้การขยับเขยื้อนเที่ยวนี้ยังไปได้ไม่ไกล แนวต้านสำคัญทางจิตวิทยายังเป็นจุดที่นักลงทุนกระหน่ำเทขายอย่างหนักหน่วงนะจะบอกให้
*แม้ตลาดหุ้นไทยอาจมีความผันผวนเล็กๆ น้อยๆ แฝงไว้เป็นประจำก็จริง แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า เป็นความผันผวนในทิศทางขาขึ้น ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้แรงซื้อแรงขายกระจัดกระจายไปยังหุ้นทุกกลุ่ม ไม่มีหุ้นกลุ่มไหนที่เป็นดาวเด่นของตลาดหุ้น ส่งผลให้การขยับเขยื้อนเที่ยวนี้ยังไปได้ไม่ไกล แนวต้านสำคัญทางจิตวิทยายังเป็นจุดที่นักลงทุนกระหน่ำเทขายอย่างหนักหน่วงนะจะบอกให้
*กระบวนการดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” สันนิษฐานการทะยานขึ้นของดัชนีหลังจากนี้จะเป็นลักษณะ “ย่ำฐาน” ก่อนจะทะยานขึ้นไปสร้างฐานแนวรับใหม่ตรงบริเวณ 1,400 จุด ซึ่งเป็นวงรอบใหญ่ของดัชนีต้องขึ้นไปพลิกแนวต้านให้กลายเป็นแนวรับ และก่อนจะไปถึงเรื่องตรงนั้นอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ดัชนีจำเป็นต้องสร้างรากฐานที่มั่นคงบริเวณ 1,380 จุดให้ได้เสียก่อนเจ้าค่ะ
*ประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องที่ย้ำให้ฟังตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา และสัปดาห์นี้ยังคงย้ำในเรื่องนี้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเป็นหนทางเดียวที่ช่วยเตือนสติแมงเม่าไม่ให้หลงระเริงมากเกินไป “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยไว้ใจท่าทีของกองทุนกับปอบผีฟ้าสักเท่าไหร่? บวกกับทุกครั้งที่เผลอใจไปกับพวกผู้จัดการกองทุน มักโดนหลอกไปกระทำชำเราเป็นประจำแบบนี้..ไว้ใจได้ก๋า!
*ฉะนั้นการที่ดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,370.75 จุด ลบไป 12.73 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.41 หมื่นล้านบาท ย่อมสัมพันธ์โดยตรงกับท่าทีของนักลงทุนสถาบัน และครั้งนี้ก็เป็นการตอกย้ำว่า ทุกคนเล่นสั้นเหมือนกันหมด ซึ่งเห็นได้จากการเทขายของฝรั่งตาน้ำข้าวที่มีออกมา 1.26 พันล้านบาท ปอบผีฟ้าสาดตามหลังมาติดๆ อีก 1.13 พันล้านบาท ขณะที่กองทุนต่างๆ พากันเก็บของ 1.13 พันล้านบาท มันเป็นเรื่องที่รู้ๆ กันอยู่ ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมหรอกจ้า!
*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้โพสิชั่นในการลงทุนไม่ได้อยู่ที่หุ้นขนาดใหญ่ และถูกแทนที่ด้วยหุ้นขนาดเล็กอย่าง SAMCO ซึ่งกระชากขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 4.92 บาท แต่บรรยากาศการลงทุนไม่เป็นใจให้เล่นกันต่อ หุ้นถึงดิ่งลงมาปิดที่ 4.46 บาท บวกไปแค่ 0.24 บาท หรือขึ้นไป 5.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 740 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่นักเล่นต้องประเมินกันเอาเองว่า หุ้นจะไปได้อีกไหม? หลังค่า P/E ขึ้นมาแตะระดับ 34 เท่าแล้วนะซี
*เช่นเดียวกับในรายของ SAMART บวกติดต่อกัน 4 วันติดๆ หลังจากโดนถล่มลงมาอย่างหนักหน่วงเป็นเวลานาน “โมนิก้า” ถือเป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องประเมินกันว่า หุ้นมีโอกาสไปต่อมากน้อยขนาดไหน? หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 22.10 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 2.30% ด้วยมูลค่า 460 ล้านบาท พร้อมกับปรากฏสัญญาณค้อนหัวกลับ คงต้องพักก่อนจะถีบตัวขึ้นอีกครั้งแล้วล่ะ
*เมื่อบรรยากาศการลงทุนไม่เป็นใจ แรงเก็งกำไรกระจัดกระจายไปทั่ว วานนี้ถึงเห็นหุ้น NPP กระชากขึ้นมาติดในกระดาน most gainer ทั้งที่ก่อนหน้านี้จุมปุ๊กอยู่แถว 1.40-1.60 บาทเป็นเวลานาน จู่ๆ หุ้นก็กระชากขึ้นมาปิดที่ 1.88 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 9.30% ด้วยมูลค่า 100 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเกมเสี่ยงที่ต้องวิเคราะห์ให้แตกฉาน เพราะก่อนหน้านี้ 3 รอบ หุ้นก็เคยวิ่งขึ้นไปใกล้ 2 บาท แต่หลังจากนั้นโดนถล่มยับเจ้าค่ะ
*เหมือนกับในรายของ EVER แพทเทิร์นในระยะสั้นๆ อาจดูไม่สวยสดงดงาม แต่ถ้าดูจากการเคลื่อนตัวในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า ช่วงแรกหุ้นย่ำอยู่ที่ 1.06 บาท ล่าสุดหุ้นอยู่ที่ 1.28 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 100 ล้านบาท มันเป็นแพทเทิร์นขาขึ้นที่ลาดเอียง 45 องศา และหวังได้ถึง 1.40 บาท แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า รอบที่แล้วแตะปุ๊บ รูดลงไปกองแถว 1 บาทปั๊บนะจ๊ะ
*เมื่อหุ้นกระแสหลักไม่มาตามนัด หุ้นเก็งกำไรถึงโผล่ขึ้นมาราวกับดอกเห็ด ล่าสุดก็เป็นคิวของ AF กระชากขึ้นมาปิดที่ 0.79 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 14.50% ด้วยมูลค่า 104 ล้านบาท “โมนิก้า” มองจากมุมไหน ด้านไหน ก็เป็นการเล่นแก้ขัดไปวันๆ เพราะขาใหญ่ในวงการตลาดหุ้นตีตั๋วไปพักผ่อนกันหมดแล้ว คนที่เล่นในวันนี้ถึงมีเพียงลูกหาบที่คิดจะสร้างชื่อเท่านั้นเจ้าค่ะ
*เหมือนกับในรายของ DNA พยายามจะสร้างปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ทั้งที่ทุกคนในวงการรู้เป็นอย่างดีว่า“ข้างนอกสุกสดใส ข้างในตะติ๊งโหน่ง” มันเป็นความพยายามที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย แถมครั้งก่อนหลอกคนไปตายกันเป็นเบือ “โมนิก้า” ถึงไม่เข้าใจพวกที่กระโจนเข้าใส่มือเป็นระวิง จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.24 บาท บวกไป 0.24 บาท หรือขึ้นไป 12% ด้วยมูลค่า 300 ล้านบาท มันใช่คำตอบของการเล่นเที่ยวนี้จริงเหรอ?
*ป.ล. ตบท้ายวันนี้ที่หน่วยงานเสือกระดาษอย่าง ก.ล.ต. กันสักหน่อย จู่ๆ ลุกขึ้นมาออกมาตรการคุมสื่อ เพื่อไม่ให้มีการเผยแพร่ข่าวเม้าท์ที่เกิดขึ้นตามห้องค้า “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องตลกหกเก้ามากๆ เพราะแทนที่จะเอาเวลาไปพัฒนาคุณภาพนักลงทุนไทย กลับทำตัวเป็นตำรวจสากลแบบนี้ เมื่อไหร่นักลงทุนไทยจะรู้จักแยกแยะเรื่องต่างๆ สักทีล่ะตัวเอง
*งานนี้ไม่ได้โจมตีว่า แนวคิดดังกล่าวไม่ดี แต่ในทางปฏิบัติมันทำได้เสียที่ไหน แถมทุกวันนี้ก็ต้องไล่เช็กข่าวกันให้วุ่นอยู่แล้ว “โมนิก้า” ถึงรู้สึกมึนงงกับแนวทางดังกล่าวจริงๆ หรือว่า เดี๊ยนไม่เข้าใจแนวทางของสำนักงาน? ถ้าเป็นเช่นนั้น..รบกวนหนุ่มหล่อของหน่วยงานดังกล่าว ช่วยกริ๊งกร๊างมาอธิบายเป็นการส่วนตัวด้วยนะคะ