ลากหุ้นป่วนดัชนี
เชื่อว่านักวิเคราะห์และนักลงทุนหลายคนกำลังเวียนหัวกับดัชนีตลาดหุ้นในขณะนี้
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
เชื่อว่านักวิเคราะห์และนักลงทุนหลายคนกำลังเวียนหัวกับดัชนีตลาดหุ้นในขณะนี้
เพราะมีมือที่มองไม่เห็นไปจับหุ้นในกลุ่ม SET50 ที่มีฟรีโฟลตต่ำ ลากขึ้น ทุบลง กันแบบสนุกสนาน ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ เหมือนไม่สะท้อนความจริงออกมา
หุ้นส่วนใหญ่เหล่านี้จะมีฟรีโฟลตต่ำ ง่ายต้องการ “สร้างราคา”
อาจจะมีคำถามว่า เขาทำกันอย่างไร
วิธีการไม่ได้ยากอะไร
เริ่มจากมีเงินบนหน้าตักเยอะ ๆ ซักหน่อย แล้วเล็งหุ้นที่มีสัดส่วนของรายย่อยถืออยู่ค่อนข้างน้อย (แต่อยู่ในเกณฑ์ ตลท.)
หุ้นอยู่ในกลุ่ม SET50 หรืออย่างน้อยก็ SET100
ต่อจากนั้นก็ทยอยสะสมให้หุ้นเข้ามาอยู่ในพอร์ตของตัวเองมาก ๆ
หุ้นที่ถูกคัดเลือกเหล่านั้นจะมีมาร์เก็ตแคปเพียงพอที่จะสร้างความเคลื่อนไหวต่อดัชนีได้ แบบ “กดรีโมท” สั่งได้นั่นแหละ
เช่น DELTA ที่กำลังสร้างความสั่นสะเทือนอยู่ตอนนี้
ล่าสุด เห็นว่า DELTA มีสัดส่วนฟรีโฟลตเพียง 22.5%
ทว่า จริง ๆ แล้ว สัดส่วนดังกล่าวหากมานั่งนับหัวที่เป็นนักลงทุนรายย่อยจริง ๆ อาจจะไม่ถึงก็ได้นะ
เพราะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เราเห็นรายชื่อโผล่ ๆ กันอยู่นั้น
ตามคำนิยามของเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ เขายังนับว่าเป็น “รายย่อย” (ทั้งที่อาจเป็นรายใหญ่ก็ได้)
ย้อนกลับมาที่วิธีการลากราคาหุ้นขึ้น
แน่นอนว่า หากรายย่อยยังถืออยู่เยอะ เราก็จะมีความยากต่อการลากขึ้น
เพราะหากราคาหุ้นวิ่งขึ้นมา เราก็จะเจอแรงขายระหว่างทางจากรายย่อยที่ถือหุ้นอยู่ หากเป็นแบบนี้ จะเหนื่อยหน่อย
ดังนั้น อาจจะเริ่มจากกดราคาหุ้นไว้ก่อน ไม่ให้วิ่ง วางฝั่ง Offer หนา ๆ เพื่อทยอยสะสมหุ้นฝั่ง Bid ไปเรื่อย ๆ ชิว ๆ ใจเย็น เพราะเป็นเงินเย็น หรือหากเป็นมาร์จิ้น ก็น่าจะเป็นรายใหญ่ที่มีเครดิตดี
เมื่อเก็บหุ้นได้จำนวนมากขึ้น จากรายย่อยที่ทนถือต่อไปไม่ได้ ก็ต้องทยอยขายออกมา
ทีนี้แหละ จะมีการดึงออเดอร์ฝั่ง Offer ออก แล้วซื้อแบบรวบช่อง (ฝั่ง Offer) ทันที
ต่อจากนั้น จะซื้อ (ลาก) ไปเรื่อย ๆ จนรายย่อยเข้ามาเห็น และจะกระโดดตามมาร่วมวง จนราคาหุ้นติดลมบนอย่างที่เห็น
การที่หุ้นติดแคชบาลานซ์ในบางกรณี ก็เป็นความตั้งใจของ “รายใหญ่”
วันแรกของการติดแคชฯ หุ้นอาจจะย่อตัวลง (ลึก)
เป็นโอกาสของรายใหญ่เข้ามาเก็บ สะสมไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องมีรายย่อย (ที่เล่นมาร์จิ้น) มาคอยส่งคำสั่งซื้อ ๆ ขาย ๆ กวนใจ เกะกะ ระหว่างทาง
และเมื่อหุ้นหลุดจากแคชฯ รายย่อยที่เล่นมาร์จิ้น จะกลับมาลุยหุ้นตัวนั้นต่อ ซึ่งก็เข้ามาทางรายใหญ่ที่สะสมหุ้นตัวนั้นเอาไว้แล้ว “ความบันเทิงรอบใหม่” ก็เกิดขึ้นอีก
วนเวียนกันไปแบบนี้
เข้าใจว่าทางตลาดหลักทรัพย์ฯ เอง ก็คงพยายามที่จะควบคุม ด้วยการวางเกณฑ์ต่าง ๆ ไม่ให้ตลาดผันผวน
แต่ก็อย่าลืมว่า นักลงทุนกลุ่มที่สร้างความปั่นป่วน “ไม่ใช่มือสมัครเล่น”
ทว่า กลับเป็นระดับ “เซียนเหยียบเมฆ” ทั้งนั้น
รู้วิธีคิดของตลาดฯ รู้วิธีการหาช่องว่างของเกณฑ์เพื่อนำมาใช้ประโยชน์
กลุ่มเหล่านี้ เสมือนรู้ด้วยว่า ตลาดฯ เองไม่น่าจะนำไม้แข็ง หรือกำหนดกฎเกณฑ์ที่เป็นไม้แข็งอะไรมาก
เพราะอาจจะไปสร้างปัญหาต่อการเติบโตของตลาดหุ้น
คล้าย ๆ กับวิธีการของแบงก์ชาติที่จะต้องคุมค่าเงินบาท ด้วยการไม่ใช้วิธีการแบบเป็น “ปฏิปักษ์” ต่อตลาดหุ้นและตลาดเงิน เหมือนอย่างในอดีต
แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ และนักวิเคราะห์จากโบรกฯ หลายสำนักจะออกมาเตือนถึงการลงทุนหุ้นเหล่านี้
แต่อย่างว่าล่ะ ความโลภ ความท้าทาย การอยากเอาชนะ และมีกำไรสูง ๆ
ย่อมมีอยู่ในความคิดของนักลงทุนเกือบทุกคน