พาราสาวะถี

อรชุน

รับกับการที่เตรียมจะให้มีเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีภายในเดือนมีนาคมนี้ ผู้บริหารที่ยังนั่งรักษาการทั้งหลาย ต่างพากันเสนอโครงการใช้งบประมาณท้องถิ่นจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ฉีดให้ประชาชนในพื้นที่ ด้านหนึ่งดูเหมือนเป็นการตบหน้ารัฐบาลที่เงื้อง่า ราคาแพง และทำท่าว่าจะทำให้โอกาสการเข้าถึงวัคซีนของประชาชนเป็นไปด้วยความยุ่งยาก อีกด้านเหมือนเป็นการหาเสียงกันไว้ล่วงหน้า นโยบายเด็ดดวงแบบนี้มีโอกาสสูงที่ประชาชนจะยกมือไว้วางใจ

ในกรณีดังกล่าวนี้ก็ไม่เว้นแม้แต่กระทั่ง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระ ที่ก็ชงแนวคิดให้กทม.จัดสรรงบประมาณกว่า 8 พันล้านบาทจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ฉีดให้คนกรุงเทพฯ กว่า 8 ล้านคน นั่นคงเป็นเพราะเล็งเห็นแล้วว่า หากลำพังรอกระบวนการของรัฐบาลที่จองวัคซีนไว้แค่เจ้าเดียว ย่อมเกิดความล่าช้า แม้ว่าจะเพิ่มการซื้อมาจากจีนสองล้านโดสเป็นประเด็นในเดือนกุมภาพันธ์นี้ 2 แสนโดสก่อนก็ตาม แต่ไม่เพียงพอและไม่ทันต่อสถานการณ์การระบาดที่กำลังดำเนินไปในเวลานี้แน่นอน

เมื่อเจอคำถามเรื่องนี้ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะบอกปัดไปทันทีแล้วยืนยันว่าอำนาจเรื่องนี้อยู่ที่ตัวเองและรัฐบาลทั้งหมด ก็คงจะเป็นการเสียรังวัดและทำให้ถูกด่ามากกว่าจะได้รับคำชม จึงตอบคำถามแบบกลาง ๆ ไม่ติดขัดหากท้องถิ่นจะดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดก็จะต้องเสนอมาให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ สิ่งสำคัญคือถ้างบประมาณมีก็ไร้ปัญหา แต่ถ้าไม่มีค่อยมาว่ากัน เจอมุกแบบนี้ไปก็ตั้งรับไม่ทันกันทีเดียว

แต่ไม่ว่าจะจัดหามาโดยใคร งบประมาณจะจากส่วนกลางหรือท้องถิ่น สุดท้ายก็คือเงินภาษีของประชาชน และสมควรที่ประชาชนทุกคนต้องมีโอกาสได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ฟรี เพียงแค่ว่า ประเด็นที่ยังตั้งคำถามกันอยู่วัคซีนที่จะนำเข้ามานั้น ปลอดภัยในระดับไหน แล้วการที่ต้องรออย.ให้การรับรองต้องใช้เวลานานหรือไม่ เหล่านี้อยู่ที่กระบวนการบริหารจัดการทั้งสิ้น ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าท่านผู้นำและคณะไม่ได้เตรียมการเรื่องนี้ไว้อย่างดีพอ

การรอรับวัคซีนแต่เพียงเจ้าเดียว บนสถานการณ์ที่คุมโรคได้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เมื่อสถานการณ์มันเลวร้ายกว่าที่คิด ผู้บริหารที่ดีต้องมีแผนสองและต้องเป็นแผนที่มีความรัดกุม รอบคอบ ผ่านกระบวนการคิดและเตรียมการไว้แล้ว ไม่ใช่ไปลุยตายเอาดาบหน้าแก้ผ้าเอาหน้ารอดเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ เพราะถูกคนในแวดวงการแพทย์ทักท้วงและจี้ถาม จึงตามมาด้วยมาตรการผ่อนปรน ที่รวมไปถึงภาคเอกชนที่มีศักยภาพสามารถนำเข้าวัคซีนมาได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเพิ่งแตะเบรกโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งห้ามดำเนินการ

สถานการณ์สำหรับรัฐบาลสืบทอดอำนาจเวลานี้ ต้องยอมรับว่านอกเหนือแรงกดดันจากโควิด-19 แล้ว เรื่องอื่น ๆ ก็ดูว่าจะถาโถมเข้ามาซ้ำเติมอย่างต่อเนื่อง กรณีบ่อนการพนัน ประเด็นที่ถามกันทุกวันปล่อยให้มีการลักลอบเล่นอยู่ได้อย่างไร มิหนำซ้ำ บ่อนใหญ่ในภาคตะวันออกจนป่านนี้ยังไม่สามารถจับเจ้าของของผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหลายมาดำเนินคดีได้แม้แต่คนเดียว แม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนามของพวกที่เกี่ยวข้องยังไม่เปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้

เมื่อเป็นเช่นนั้นมันจึงทำให้เกิดเป็นข้อกังขาตามมา ด้วยความที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและสองศรีพี่น้องในแก๊ง 3 ป.คือคณะนายทหารที่เติบโตมาจากสายบูรพาพยัคฆ์ นั่นหมายความว่า เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในภาคตะวันออก แล้วเกิดกรณีการระบาดของโควิด-19 จากบ่อนใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออกทั้งสิ้น คนที่มีอำนาจในดินแดนแห่งนี้ จะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางกันเลยเป็นไปได้อย่างไร เมื่อเป็นเช่นนั้น มันจึงหนีไม่พ้นข้อครหาว่าด้วยผลประโยชน์ก้อนโตที่มีใครบางคนในฐานะคนมีสีเป็นผู้บริหารจัดการอยู่หรือไม่

เข้าทำนองลูบหน้าปะจมูก และสอดรับกับผลโพลของคนกันเองที่ตอกย้ำว่า ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเปลี่ยนไป ไม่เด็ดขาดกับการระบาดของโควิด-19 รอบนี้ โดยเฉพาะเรื่องบ่อนพนัน ที่ไม่ต่างกันก็คงเรื่องแรงงานลักลอบ ลำพังหากเป็นข้าราชการพลเรือนหรือคนสีกากี ป่านนี้คงมีพวกที่ถูกนำตัวมาประจานความเหลวแหลกของการบริหารจัดการเรื่องนี้กันไปแล้ว แต่เมื่อเกิดการยึกยักชักช้า มันย่อมมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน

ส่วนที่มีหลายเสียงอย่างล่าสุดเป็น กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้าที่ชงเรื่องให้เปิดบ่อนพนันถูกกฎหมายนั้น ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เพราะผู้บริหารเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนดีที่ถูกยกหางกันมาทั้งสิ้น แต่เป็นที่รู้กัน การอ้างเรื่องศีลธรรมจรรยามันแค่ฉากบังหน้า เพราะผลประโยชน์มหาศาลจากการที่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย ไม่มีใครยอมให้กลายเป็นเรื่องถูกกฎหมาย เรื่องอะไรจะมาปล่อยให้เงินที่ได้แบบไม่ต้องลงทุนอะไร มากลายเป็นเงินภาษีแล้วทำให้ประเทศเจริญ ประชาชนอยู่ดีกินดี

อีกสิ่งหนึ่งซึ่งตามมาประจานรัฐบาลในช่วงโควิดระบาดคือ ยาเสพติดชนิดใหม่ที่ชื่อว่า “เคนมผง” ไม่ใช่เพิ่งมานิยมกันเวลานี้ แต่ที่เป็นข่าวใหญ่โตเพราะดันมีคนเสพแล้วตายเกือบ 10 ชีวิต จึงทำให้เกิดการเต้นของผู้รักษากฎหมาย ซึ่งจะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งอันถือเป็นความผิดพลาดหรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ของคณะเผด็จการคสช.ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลสืบทอดอำนาจ แม้จะเห็นภาพการปราบปรามจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ ๆ

แต่ในภาพความเป็นจริง ก็ปรากฏว่ายาเสพติดบางประเภทจากที่ยุคก่อนหน้าทำให้กลายเป็นของหายาก ราคาแพง ทำให้การหามาเสพเป็นไปด้วยความลำบาก แต่หลังการรัฐประหารเป็นต้นมา ยาบ้าเกลื่อนเมือง ที่เคยหาซื้อกันยากราคาแพง ก็ถูกลงมาทันตาเห็น ยังไม่นับรวมยาเสพติดในแวดวงคนมีตังค์ทั้งยาเค ยาอี ที่มีการเปิดปาร์ตี้เย้ยกฎหมายกันหลายแห่ง แม้กระทั่งในสถานการณ์โควิดระบาดที่ออกมาตรการคุมเข้มกันเวลานี้ ก็ยังมีพวกลักลอบกันอยู่

ภาพของสิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้ ทำไมจึงเฟื่องฟูในยุครัฐบาลเผด็จการที่ถือว่ามีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แล้วยังต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คำตอบของสิ่งเหล่านี้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจรู้อยู่แก่ใจตัวเองดี ไม่ใช่มาไล่เปิดสารพัดช่องทางอ้างว่าเพื่อรับข้อมูลจากประชาชนถึงนายกรัฐมนตรีโดยตรง อยู่มาจวนจะ 7 ปีแล้ว เรื่องสำคัญขนาดนี้ยังมารอประชาชนชี้เบาะแส และทำตัวเหมือนหมดปัญญาแก้ปัญหา ถ้าทำได้แค่นี้ไม่ต้องมีผู้บริหารประเทศก็ได้